เมืองไทยฯ(1):กรธ.พิจารณาที่มาของนายกฯและครม./สปท.ค้านจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่/นายกฯเปิดทางพรรคการเมืองหารือการปฏิรูป

ในวันนี้มีการประชุมกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ซึ่งจะมีการพิจารณาประเด็นที่มาของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีการเสนอเปิดช่องให้คนนอกมาดำรงตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ เนื่องจากในการประชุมเมื่อวานนี้ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายบริหาร เสนอความคืบหน้าการศึกษาในประเด็นที่มานายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี โดยเห็นควรให้มีนายกรัฐมนตรีในระบบรัฐสภา ซึ่งหมายความว่านายกรัฐมนตรีต้องมาจากการลงมติของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ ส.ส.เท่านั้น และอาจเป็น ส.ส.หรือไม่เป็น ส.ส.ก็ได้ ส่วนวิธีการเลือก หรือมติจะมีหลักอย่างไรนั้น ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการโครงสร้างฝ่ายบริหารไปศึกษาอีกครั้ง แต่ในวันนี้ จะพิจารณารายงานศึกษาโครงสร้างฝ่ายบริหาร

ส่วนการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เมื่อวานนี้ เป็นการอภิปรายแสดงความเห็นต่อแนวทางการทำร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อเสนอไปยัง กรธ. ซึ่งไม่ขัดข้องเรื่องการใช้บัตรลงคะแนนใบเดียว แต่ไม่เห็นด้วยกับระบบสัดส่วนของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ จะมี ส.ส.แบบแบ่งเขต 350 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 150 คน ซึ่งเห็นว่าเป็นจำนวนที่มากเกินไป จึงเสนอให้มี ส.ส.แบบแบ่งเขต 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 50 คน

โดยในวันนี้ สปท.จะเชิญคณะทูตรับฟังกรอบการทำงานเกี่ยวกับการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศของ สปท. และเปิดให้ซักถามประเด็นข้อสงสัย ตลอดจนสร้างเครือข่ายการทำงานในอนาคตร่วมกันต่อไป

ด้านข้อเสนอให้พรรคการเมืองมีการหารือเกี่ยวกับการปฏิรูปนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นว่า กำลังมีพิจารณาถึงความเหมาะสมเพราะการหารือควรมีความชัดเจน ไม่ใช่ไปหารือกัน แล้วออกมาทะเลาะกันอีก โดยเมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการเลือกตั้งในเมียนมาที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์มากถึงร้อยละ 80 ขณะที่ชาวไทยมีผู้มาใช้สิทธิ์ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง โดยขอว่า ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบการเมืองก็ขอให้ออกมาใช้สิทธิ์ทั้งการเลือกตั้ง และการลงประชามติ

ในวันนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ต้องจับตาว่ามีโครงการลงทุนใดที่จะเข้าสู่กระบวนการลดขั้นตอนลงทุน

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช.

ในวันนี้ ยังต้องติดตามกรณีที่ มีคำสั่งของ คสช. เรื่องการแต่งตั้งนางมยุระ ช่วงโชติ บุตรสาวของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นรองเลขาธิการฯ ของนายมีชัยเอง โดยพรรคเพื่อไทยแสดงความกังวลเพราะเป็นการแต่งตั้งเครือญาติเข้ามารับตำแหน่งผู้ปฏิบัติงานใน คสช. โดยเปรียบเทียบกรณีของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่แต่งตั้งเครือญาติเข้ามารับตำแหน่ง แต่เมื่อสังคมมีการตั้งข้อสังเกตก็ต้องลาออก

และการดำเนินคดีผู้กระทำความผิดตามมาตรา 112 พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า การที่มีผู้ต้องขัง 2 คนที่ถูกคุมไว้ที่เรือนจำชั่วคราว มทบ.11 แขวงถนนนครไชยศรีเสียชีวิตนั้น กรมราชฑัณฑ์มีผู้ต้องขังที่อยู่ในความดูแล 3 แสนกว่ารายก็มีเหตุการณ์ลักษณะนี้ ทั้งการฆ่าตัวตายและจากโรคประจำตัว ซึ่งกรณีการฆ่าตัวตายก็เป็นการตัดสินใจแก้ปัญหาของเขาแต่การจะพูดอะไรก็ต้องเคารพผู้เสียชีวิตด้วย และขอให้เคารพบุคคลที่มีชื่ออยู่ในข่าว ควรรอให้มีความชัดเจนแล้วค่อยเสนอข่าว

อย่างไรก็ตามได้ให้นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นำนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 ที่เหลือเพียงรายเดียวที่ยังถูกคุมขังที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนไชยศรี ไปตรวจวสุขภาพเพื่อดูว่าป่วยเป็นโรคอะไรหรือไม่

กรณีกระแสข่าวการทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์นั้น พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เจตนาในการก่อสร้างนั้นเป็นเจตนาบริสุทธิ์ มีความตั้งใจดี เพื่อจะให้เป็นประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป มีการดำเนินการในรูปแบบของคณะกรรมการ เพราะเป็นโครงการใหญ่ แต่อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้น ก็มีการแก้ไขปัญหาแล้ว ส่วนเรื่องเงินบริจาค มีเจ้ากรมการเงินทหารบกเป็นผู้รับผิดชอบในการทำหลักฐานและรายละเอียดต่างๆ สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งกรณีที่มีการแอบอ้างเก็บหัวคิวจากโรงหล่อนั้น ทุกอย่างยุติลงด้วยดี ทางโรงหล่อเองก็ไม่อยากให้เกิดอะไรเสียหาย

ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อวานนี้มีการประชุมชุดสืบสวนสอบสวน ในส่วนของผู้ถูกกล่าวหา 2 คนที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งจะครบกำหนดรายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีและส่งสำนวนมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันพรุ่งนี้

...