บีบีซี สัมภาษณ์นางออง ซาน ซูจี หัวหน้าพรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) เชื่อมั่นพรรคเอ็นแอลดีคว้าชัยการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยของประเทศในรอบ 25 ปีครั้งนี้แน่นอน แม้จะมีความไม่โปร่งใสอยู่บ้างแต่โดยรวมก็ยังมีเสรีภาพให้ประชาชน เช่นเดียวกับทีมผู้สังเกตุการณ์เลือกตั้งจากสหภาพยุโรป (อียู)แถลงว่า การเลือกตั้งเป็นไปด้วยดีและโปร่งใส
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ เมียนมา ไทม์ส รายงาน พรรคเอ็นแอลดีประกาศชัยชนะอย่างไม่เป็นทางการว่า พรรคได้จำนวนที่นั่งทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภามาแล้วร้อยละ 82 โดยได้รับ 271 จาก 330 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร และได้อีก 135 จาก 168 ที่นั่งในวุฒิสภา
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์อังกฤษ “เดอะ การ์เดียน”ระบุ แม้พรรคเอ็นแอลดี ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก จะได้รับคะแนนเสียงในการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย แต่ก็ไม่แน่ว่า รัฐบาลพลเรือนของเธอจะสามารถปกครองเมียนมาได้หรือไม่ เพราะเหล่าทหารยังคงเป็นกุมอำนาจทางการเมืองอยู่ในหลายส่วน โดยเฉพาะนายพลตาน ฉ่วย อดีตผู้นำเผด็จการของเมียนมาจะลงจากอำนาจไปนานแล้ว แต่เขายังคงอยู่เบื้องหลังการเมืองของประเทศและทหารก็ยังคงมีที่นั่งในรัฐสภาร้อยละ 25 อย่างอัตโนมัติตามรัฐธรรมนูญ และทหารก็ยังกุมอำนาจในกระทรวงหลักของประเทศ เช่น กลาโหม มหาดไทย กระทรวงการพัฒนาพื้นที่ชายแดน รวมไปถึงหน่วยงานตำรวจอีกด้วย
นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญยังได้บัญญัติให้ทหารสามารถเข้ามาควบคุมรัฐบาล รวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศได้ หากจำเป็นอีกด้วย ผ่าน สภาความมั่นคงและการป้องกันประเทศ (เอ็นดีเอสซี) ซึ่งหากมองตามความเป็นจริง ก็เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจยิ่งกว่ารัฐสภา ดังนั้น นางซูจี ที่ประกาศตนอยู่เหนือตำแหน่งประธานาธิบดี เนื่องจากรัฐธรรมนูญเขียนกีดกันเธอไม่ให้ขึ้นเป็นผู้นำประเทศ จะต้องงัดทุกวิถีทางเพื่อจัดการปกครองในการเมืองเมียนมาที่ซับซ้อนนี้ให้
ส่วนสื่อจากฝั่งออสเตรเลียได้วิเคราะห์ว่า รัฐสภาเมียนมาจะเลือกตั้งผู้ที่จะมาเป็นประธานาธิบดีในเดือนก.พ. และยังไม่มีท่าทีชัดเจนว่า ใครก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของประเทศ เพราะอองซาน ซูจีเองก็หมดสิทธิ์นี้ไปแล้ว หากพรรคเอ็นแอลดีล้มเหลวในการเฟ้นหาคนที่จะเป็นตัวแทนพรรคขึ้นเป็นผู้นำ เกมก็จะกลับกลายเป็นว่า ประธานาธิบดีคนถัดไปของเมียนมา อาจมาจากฝั่งทหารเหมือนเดิม หนทางที่ยังอีกยาวไกลกว่าจะถึงเดือนก.พ.ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า กองทัพอาจล้มการเลือกตั้ง เข้ายึดอำนาจจัดตั้งรัฐบาลเหมือนเดิม