หลังเจ้าหน้าที่กองทัพบก ได้แจ้งความดำเนินคดีกับ พ.อ. คทาชาต บุญมี หรือผู้การโจ้ นายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำกองทัพภาคที่ 3 ถูกแจ้งข้อหาความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท แอบอ้างเบื้องสูง ตามมาตรา 112 ขณะที่มีกระแสข่าวว่าผู้การโจ้ หลบหนีออกนอกประเทศ ไปอยู่กับกลุ่มชาติพันธุ์ ตามแนวชายแดน รายงานข่าวจาก กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนในคดียังไม่มีการขอประสานมายังกองการต่างประเทศ เพื่อดำเนินการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งตามหลักการขอหลักของการขอตัวผู้ต้องหาที่หนีออกนอกประเทศ แบ่งเป็น 2 อย่าง คือ การนำพ.ร.บ. ความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศมาใช้ ซึ่งทางตำรวจต้องร้องขอไปยังสถานทูตปลายทาง ในการรวบรวมพยานหลักฐาน หรือประสานข้อมูลด้านต่างๆ ส่วนอีกกรณี คือ หากทราบตัวคนร้าย หรือทราบถิ่นฐานว่าหลบหนีไปยังประเทศใด ก็จะนำ พ.ร.บ. ผู้ร้ายข้ามแดนมาใช้
ในส่วนประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญา ก็สามารถประสานขอได้ แต่ขั้นตอนจะช้ากว่าประเทศที่มีสนธิสัญญา ส่วนกรณีความผิดที่ไม่เข้าข่ายการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ไม่ว่าจะเป็นความผิดทางการเมือง ทหาร ศาสนา เชื้อชาติ ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายข้อไป