+++เกาะติดการเลือกตั้งในเมียนมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลการเลือกตั้งในเบื้องต้น พบว่า พรรคฝ่ายค้านสำคัญ พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ( เอ็นแอลดี ) ของนางออง ซานซูจี ชนะการเลือกตั้งเป็นส่วนใหญ่ กกต.จะประกาศผลเลือกตั้งเป็นช่วงๆ รายงานล่าสุดชนะไป 32 ที่นั่ง ทั้งนี้ การเลือกตั้งในเมียนมา มีการเลือกตั้งสภาสูง 168 ที่นั่ง สภาล่าง 330 ที่นั่ง นายฮเตย์ โอ รักษาการประธานพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา ( ยูเอสดีพี ) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลปัจจุบัน ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อพรรคฝ่ายค้าน พร้อมแสดงความรู้สึกประหลาดใจ อย่างยิ่งที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งที่เขตฮินธาดาของภูมิภาคลุ่มแม่น้ำอิรวดี ทางตะวันตก ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานเสียงสำคัญของพรรคยูเอสดีพีมาตลอด โดยนายฮเตย์ โอ ยืนยันว่าได้ลงพื้นที่พบปะและช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง พรรคยอมรับการตัดสินใจของประชาชนและจำเป็นต้องกลับมาวิเคราะห์อย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุของความพ่ายแพ้ครั้งนี้
+++ด้านนายวิน เต็ง โฆษกพรรคเอ็นแอลดี แสดงความเชื่อมั่นว่าพรรคจะได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ซึ่งเหตุการณ์ในขณะนี้เป็นไปอย่างเกินความคาดหมาย นอกจากเขตเลือกตั้งในเมืองใหญ่ที่เป็นฐานเสียงแล้ว ผลการประเมินของพรรคพบว่าพรรคเอ็นแอลดีได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนมากกว่าร้อยละ 65 ในรัฐมอญและรัฐกะเหรี่ยง
+++เป็นที่ทราบกันดีว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ได้รับการจับตามองและคาดหวังอย่างมากจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งที่ว่ากันว่าเปิดกว้าง มากที่สุดนับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2533 ที่แม้ครั้งนั้นพรรคเอ็นแอลดีเป็นฝ่ายชนะ แต่กองทัพปฏิเสธยอมรับและเกิดการยึดอำนาจในเวลาต่อมา ขณะที่การเลือกตั้งครั้งนี้ได้รับการยืนยันจากกองทัพว่าจะยอมรับทุกผลคะแนนอย่างไม่มีเงื่อนไข
+++บรรยากาศของการเลือกตั้งยังได้รับเสียงชื่นชมจากนานาประเทศทั้งสหรัฐและสหภาพยุโรป ( อียู ) ว่าเป็นไปอย่างเรียบร้อย เป็นก้าวที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงสู่ประชาธิปไตย อีกทั้งยังเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกของชาวเมียนมาจำนวนมาก รวมถึงนางซูจีเองด้วย หลายฝ่ายมองสิ่งที่สำคัญกว่าไม่ใช่ว่าพรรคเอ็นแอลดีของนางซูจีจะได้รับชัยชนะด้วยคะแนนเสียงสนับสนุนมากแค่ไหน แต่อยู่ที่พรรคเอ็นแอลดีและพรรคการเมืองแนวร่วมจะสามารถเจรจากับกองทัพซึ่งมีสัดส่วนอยู่ในสภามากถึงร้อยละ 25 ในการจัดตั้งรัฐบาลและปฏิรูปประเทศต่อไปให้ราบรื่นได้อย่างไร นางซูจี กล่าวอย่างชัดเจนว่า ต่อให้รัฐธรรมนูญจำกัดสิทธิ์ในการให้เธอก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี แต่เธอคือ ผู้มีบารมี เหนือประธานาธิบดี
+++มาที่สถานการณ์ในประเทศ ศาลทหารกรุงเทพ อนุมัติหมายจับนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ และ พ.อ.คชาชาต บุญดี ตามที่ พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปราบปราม พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน ได้มายื่นขออำนาจศาลในการอนุมัติออกหมายจับ หลังจากที่ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้อำนวยการส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจการข่าว คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.เพิ่มเติมอีก 2 คดี คือ เลขที่คดี 113/2558 และเลขที่คดี 114/ 2558 โดยได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ และ พ.อ.คชาชาต บุญดี ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่มิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่เพื่อแสดงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตัวเองหรือผู้อื่น หรือในความผิดฐานอื่นที่พบภายหลัง
+++ความเคลื่อนไหวการร่างรัฐธรรมนูญ นายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษกคณะกรรมการการเลือกตั้ง( กรธ.) กล่าวว่า ที่ประชุมพิจารณาในหมวดองค์กรอิสระ ในส่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โดยยังคงให้อำนาจเรื่องการสั่งให้จัดการเลือกตั้งใหม่หรือใบเหลือง กรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่ามีการทุจริต ส่วนอำนาจการเพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้งบุคคล (ใบแดง) ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะต้องผ่านศาลฎีกาวินิจฉัยก่อนหรือไม่ เนื่องจากกรรมการยังมีความเห็นแย้ง นอกจากนี้ กรธ.ยังได้เพิ่มอำนาจให้กกต.เพียงรายเดียวสามารถสั่งปิดหน่วยเลือกตั้งหรืองดลงคะแนนได้ทันที หากพบเห็นการทุจริตซึ่งหน้า จากเดิมที่ต้องรอมติจากที่ประชุมใหญ่กกต. ขณะเดียวกันให้อำนาจกกต.สามารถดำเนินการไต่สวนและสั่งการให้ออกเสียงประชามติใหม่ได้ กรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่ามีการทุจริตในกระบวนการออกเสียงประชามติ
+++การขอความร่วมมืองดปล่อยโคมลอยช่วงลอยกระทง นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่บริษัทท่าอากาศยานไทย( ทอท. ) กล่าวว่า ช่วงเทศกาลลอยกระทง หรือ เทศกาลยี่เป็ง ในระหว่างวันที่ 24-26 พ.ย.58 จะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวปล่อยโคมลอยตามประเพณีเป็นจำนวนมาก โดยในส่วนของ ทอท. ซึ่งบริหารท่าอากาศยาน 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) ได้ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยด้านการบิน จึงขอความร่วมมือจากชุมชนและประชาชนโดยรอบท่าอากาศยาน ที่มีความจำเป็นจะต้องปล่อยโคมลอยตามประเพณี ให้ปล่อยโคมลอยในช่วงเวลาที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการบิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่ภาคเหนือ
+++ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้ร่วมประชุมกับสายการบิน ขอความร่วมมือพิจารณาจัดตารางการบินให้เหมาะสมในช่วงเทศกาลดังกล่าว โดยหลีกเลี่ยงทำการบินหลังเวลา 21.00 น. ของวันที่ 25 พ.ย. 58 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อนุญาตให้สามารถปล่อยโคมลอยได้ตามประกาศจังหวัดเชียงใหม่ และที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ขอความร่วมมือประชาชน ให้ปล่อยโคมลอยหลังเวลา 21.30 น. ระหว่างวันที่ 24-25 พฤศจิกายน 2558 และปล่อยโคมควันในช่วงเวลา 10.00 – 12.00 น. ของวันที่ 25 พฤศจิกายน 2558 เท่านั้น
+++ สำหรับ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ตและท่าอากาศยานหาดใหญ่ได้ขอความร่วมมือหน่วยงานโดยรอบท่าอากาศยาน กรณีที่มีหน่วยงาน หรือ ชุมชน ที่อยู่ในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศของท่าอากาศยาน มีความจำเป็นต้องปล่อยโคมลอยในเทศกาลลอยกระทง ขอให้ทำหนังสือแจ้งข้อมูลรายละเอียดก่อนล่วงหน้า 7 วัน โดยแจ้งมายังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) หรือพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ตให้แจ้งไปยังนายอำเภอถลาง
+++กรณีการดูแลด.ญ.4 ขวบที่ถูกขโมยไปจากโรงพยาบาลขอนแก่น เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ คณะกรรมการคุ้มครองเด็กและครอบครัว จิตแพทย์และ ตำรวจ ได้นัดสองครอบครัวพบปะพูดคุยและประเมินความพร้อมทั้งสองครอบครัวทั้งสองครอบครัวได้มีการพบปะพูดคุยกัน และได้ตกลงกันว่าจะช่วยกันเลี้ยงหนูน้อยวัย 4 ขวบจนกว่าเด็กจะพร้อมไปอยู่กับครอบครัวแม่ที่แท้จริง ตอนนี้เด็กกำลังเรียนก็ไม่อยากให้กระทบ จึงจะให้อยู่ที่จ.ชัยภูมิเป็นหลัก ในระยะแรก และจะมีการเดินทางไปมาหาสู่กันเป็นระยะ ๆ ให้แม่ลูกได้คุ้นเคย
+++ดัชนีตลาดหุ้นไทย ลดลงแรงจากปัจจัยข่าวร้ายทั้งความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) , ราคาน้ำมันดิบโลกดิ่งลง และตัวเลขส่งอออกของจีน ให้หุ้นขนาดใหญ่ เช่น พลังงาน และธนาคาร ลดลง รวมถึงปัจจัยเรื่องเงินบาทอ่อนค่ายิ่งกระตุ้นให้เกิดแรงขายของนักลงทุนต่างชาติมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ดัชนีปิดตลาดที่ 1,402.57 จุด ลดลง 11.97 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 32,511.88 ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียวญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 377.14 จุด ปิดที่ 19,642.74จุด ฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 140.56 จุด ปิดที่ 22,726.77 จุด
+++สถานการณ์ต่างประเทศ สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานอ้างกลุ่มสิทธิมนุษยชนลิเบียว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตเซอร์เบีย 2 คนคือนายสลาดีนา สแตนโควิค และนายโจวิกา สเตบิค ถูกคนร้ายไม่ทราบฝ่ายลักพาตัวในเมืองเมืองซาบราธา ทางตะวันตกของลิเบีย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ลิเบียยังไม่ทราบว่ากลุ่มใดเป็นผู้ลักพาตัว
++ด้านคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของลิเบีย ยืนยันว่าทั้งสองคนถูกลักพาตัวขณะเตรียมเดินทางไปยังตูนีเซีย
+++ยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานว่า ชายวัย 70 ปีคนหนึ่งจุดไฟเผาตัวเองในศาลแขวงกลางแห่งกรุงโซลเมื่อเวลา 15.40 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ แต่มีบาดแผลเล็กน้อยที่บริเวณขา ต่อมาเขาถูกนำตัวไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงแห่งหนึ่ง ตำรวจกล่าวว่าขณะเกิดเหตุ ชายคนดังกล่าวได้ใช้ทินเนอร์สำหรับทาสีราดตัวเอง ก่อนจุดไฟเผาที่บริเวณชั้นแรกของที่ทำการศาล ทางตอนใต้ของกรุงโซลเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้รุดไปยังที่เกิดเหตุและดับไฟได้เพียง 11 นาที ตำรวจไม่เปิดเผยชื่อของชายดังกล่าว แต่ยังไม่ทราบว่าเหตุใดเขาจึงพยายามจุดไฟเผาตัวเอง เพิ่มเติมว่ารายละเอียดของเหตุการณ์ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจ
+++เจ้าหน้าที่สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหวอินเดีย กล่าวว่าเกิดเหตุแผ่นดินไหว 8 ครั้งในหมู่เกาะนิโคบาร์ในมหาสมุทรอินเดียภายในช่วงเวลาเพียง 8 ชั่วโมงในวันนี้ แต่ละครั้งวัดความรุนแรงได้ราว 5-6 แต่ไม่มีการเตือนภัยสึนามิ เหตุแผ่นดินไหวในหมู่เกาะนิโคบาร์ วันนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.12 น.ตามเวลาท้องถิ่น อีก 11 นาทีต่อมา วัดขนาด 5.2 ส่วนครั้งที่ 3 ขนาด 5 เกิดเมื่อ 15.24 น. ครั้งที่ 4 ขนาด 5.2 เมื่อเวลา 16.54 น. ทั้งนี้ บริเวณหมู่เกาะในหมู่เกาะนิโคบาร์และหมู่เกาะต่างๆของอินโดนีเซียจุดที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวอยู่เป็นประจำ
CR:Facebook อ.ธรณ์