ทันสถานการณ์ฯ:เมียนมาร์ร้อยละ80ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง/กองทัพสหรัฐซ้อมยิงขีปนาวุธ/สหรัฐเพิ่มความร่วมมือด้านการทหารกับอิสราเอล*

09 พฤศจิกายน 2558, 06:02น.


การเลือกตั้งทั่วไปของเมียนมาเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ในรอบ 25 ปี มีผู้ใช้สิทธิ์สูงถึงร้อยละ 80 จากผู้มีสิทธิ์ 30 ล้านคน ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่าง 2 พรรคสำคัญคือพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี ของนางออง ซาน ซู จี ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นผู้ชนะ กับพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา หรือยูเอสดีพี ของประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ขณะที่มีพรรคการเมืองมากกว่า 90 พรรคส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งมากกว่า 6,000 คน เพื่อชิงที่นั่ง 664 ที่นั่งในรัฐสภา แต่ที่นั่งร้อยละ 25 ถูกสงวนไว้สำหรับตัวแทนจากกองทัพซึ่งเป็นฝ่ายของพรรคยูเอสดีพี



จากการที่ประชาชนในเขตออเรนจ์เคาน์ตี รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา แจ้งพบเห็นลูกไฟขนาดใหญ่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงบนท้องฟ้าเมื่อเวลาราว 18.00 น. ของวันที่ 7 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งต่อมาทางการแถลงว่า เป็นการฝึกซ้อมยิงขีปนาวุธของกองทัพเรือ แต่ไม่ได้ชี้แจงถึงเหตุผล แต่พื้นที่นี้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ มีเครื่องบินขึ้นลงมากที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ และเส้นทางยังผ่านย่านชุมชน  



อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (เอฟเอเอ) ประกาศเตือนเที่ยวบินพาณิชย์ที่จะเดินทางเข้าหรือออกจากสนามบินลอสแองเจลิสในยามวิกาลของวันที่ 7 พฤศจิกายน เพราะจะมีการฝึกซ้อมทางการทหาร



สำหรับขีปนาวุธที่มีการทดสอบ เป็นขีปนาวุธไทรเดนต์ 2 (ดี 5) ซึ่งเป็นขีปนาวุธนิวเคลียร์ข้ามทวีป สามารถยิงได้ ไกลถึง 8,000 ก.ม. จากเรือประจัญบานมิสซูรี แต่ไม่ได้บรรจุหัวรบนิวเคลียร์ และเป็นการยิงเพื่อประเมินศักยภาพระบบการทำงานของขีปนาวุธ



ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ มีกำหนดพบปะเจรจากับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลในกรุงวอชิงตัน ในวันนี้ ซึ่งจะเป็นการพบหารือกันเป็นครั้งแรกตั้งแต่ตุลาคม 2557 ซึ่งจะเน้นหารือเรื่องการเพิ่มความร่วมมือและความช่วยเหลือด้านการทหารมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ



ด้านสถานการณ์ในเยเมน กองทัพรัสเซียส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์น้ำหนักรวมมากกว่า 23 ตันรวมทั้งอาหารและที่พักชั่วคราว ไปให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวเยเมน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฏ ซึ่งเป็นการส่งความช่วยเหลือเป็นครั้งที่ 2 จากที่ครั้งแรกมีขึ้นในเดือนกรกฎาคม



สหประชาชาติ รายงานว่า นับตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้ มีผู้เสียชีวิตจากเหตุสงครามกลางเมืองในเยเมนไปแล้วกว่า 5,000 คน



ความคืบหน้าเหตุเครื่องบินของสายการบินรัสเซีย เที่ยวบินเคจีแอล9268 ตกในเขตเทือกเขาของคาบสมุทรไซนาย ทางตอนเหนือของอียิปต์ เมื่อวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 224 คน และทางการชาติตะวันตก เปิดเผยว่า เป็นเหตุลอบวางระเบิดจากภายในเครื่องบิน ทางการอียิปต์ประกาศให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่สนามบินชาร์ม เอล-ชี้ค มีทั้งการตรวจตามอาคารที่พักผู้โดยสาร และไม่อนุญาตให้คนขับรถ , บริษัททัวร์ หรือผู้ที่ไม่ใช่ผู้โดยสาร ใช้ห้องน้ำที่สนามบิน  



ด้านอังกฤษ ไอร์แลนด์ เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ ยังคงให้ระงับเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกสนามบินชาร์ม เอล-ชี้ค ทำให้นักท่องเที่ยวชาวยุโรปหลายพันคนติดค้างอยู่ในรีสอร์ททะเลแดง แต่อังกฤษจะส่งเครื่องบิน ไปรับนักท่องเที่ยวที่ตกค้างในวันนี้



เกิดเหตุเครื่องบินไม่ทราบฝ่ายโจมตีย่านชุมชนในเมืองดูมา ในซีเรีย เมื่อบ่ายวันที่ 7 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่น จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 23 ราย เป็นเด็ก 6 ราย และกลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนคาดว่า เครื่องบินลำนี้เป็นของรัสเซีย เนื่องจากพื้นที่นี้เป็นที่มั่นของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย



ส่วนความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ซึ่งนายแอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ร่วมด้วยรัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย ร่วมเดินทางไปสังเกตการณ์การทำงานของทหารเรือสหรัฐบนเรือบรรทุกเครื่องบิน ธีโอดอร์ รุสเวลส์ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในทะเลจีนใต้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยต่อสถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาค หลังการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนที่มาเลเซีย ซึ่งมีการหยิบยกปัญหาขัดแย้งในทะเลจีนใต้ขึ้นหารือด้วย



กรณีพิพาทพื้นที่ทับซ้อนระหว่างเปรูและชิลีเพิ่มความตึงเครียดมากขึ้น เมื่อประธานาธิบดีโอลลันตา ฮูมาลา แห่งเปรู ประกาศรับรองเขตปกครองยาราดา-ลอส ปาลอส ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อน โดยระบุว่าประชาชนสามารถเลือกผู้แทนของตนเองและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจอนาคต ทำให้รัฐบาลชิลี ยื่นประท้วง



โดยเมื่อปี 2557 เมื่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) ตัดสินให้เปรูครอบครองน่านน้ำในทะเลสากลเพิ่มเติม หลังจากที่มีความขัดแย้งมานานกว่า 64 ปี



ชาวสเปนหลายหมื่นคน รวมตัวประท้วงความรุนแรงต่อผู้หญิงในกรุงมาดริด หลังมีผู้หญิงอย่างน้อย 41 ราย ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงภายในครอบครัว ถูกสามี คนรัก หรืออดีตคนรักลงมือฆาตกรรมตั้งแต่ต้นปี โดยส่วนใหญ่เป็นการทำร้ายทุบตีจนเสียชีวิต นอกจากนี้ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมามี ผู้หญิงสเปนถูกคนรักฆ่าตายกว่า 779 คน



*-*



 

ข่าวทั้งหมด

X