*ชาวไต้หวันบุกสภาประท้วงผู้นำไต้หวันพบผู้นำจีนที่สิงค์โปร์*

เมื่อกลางดึก กลุ่มผู้ประท้วงชาวไต้หวันนับร้อยคนพยายามบุกเข้าไปภายในอาคารรัฐสภาไต้หวัน ซึ่งเป็นสถานที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แต่ตำรวจสามารถสกัดไว้ได้ทัน และไม่ได้มีการจับกุมตัวผู้ประท้วง หลังถูกตำรวจสกัด ผู้ประท้วงจึงไปรวมตัวกันบริเวณด้านนอกอาคารรัฐสภาต่อเนื่องมาจนถึงเช้าวันนี้ โดยชูป้ายเรียกร้องเอกราชให้กับไต้หวัน การพยายามบุกเข้าไปประท้วงภายในอาคารรัฐสภาของไต้หวันมีขึ้น  เนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วงไม่พอใจที่ประธานาธิบดีหม่า อิง จิว แห่งไต้หวัน เดินทางเยือนสิงคโปร์ในเช้าวันนี้ เพื่อเข้าพบและหารืออย่างเป็นทางการกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานด้วยว่า มีผู้ประท้วงอีกกลุ่มหนึ่งได้รวมตัวกันที่สนามบินจงซาน ในนครไทเป ซึ่งเป็นสนามบินที่ประธานาธิบดีหม่า เดินทางไปสิงคโปร์ ผู้ประท้วงได้เผารูปของผู้นำไต้หวันและผู้นำจีน พร้อมตะโกนถ้อยคำประณามประธานาธิบดีจีนว่าเป็นผู้นำเผด็จการจีน และประณามประธานาธิบดีหม่าว่าเป็นผู้ทรยศ ผู้ประท้วงคนหนึ่งแสดงความเห็นว่า ประธานาธิบดีหม่า ไม่ได้ทำหน้าที่สะท้อนความคิดของคนส่วนใหญ่ อีกทั้งยังไม่มีสิทธิที่จะพบกับผู้นำจีนด้วย

ตำรวจระบุว่าได้ทำการจับกุมผู้ประท้วงที่สนามบินได้จำนวนหนึ่ง แต่ไม่เปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัดว่ามีการจับกุมจำนวนเท่าใด นอกจากกลุ่มผู้ประท้วงแล้ว ยังมีรายงานว่ามีกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีหม่าจำนวนหนึ่งไปชุมนุมเพื่อให้กำลังใจผู้นำไต้หวันที่สนามบินด้วย

การหารือกันอย่างเป็นทางการระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน และประธานาธิบดีหม่า จงอิ่ว ผู้นำไต้หวัน จะมีขึ้นในเวลา 15.00 น. ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในสิงคโปร์

ตามกำหนด ผู้นำทั้งสองจะมีการจับมือกันก่อนที่จะหารือกัน เป็นการส่วนตัวเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำไต้หวันได้มีโอกาสหารือกับผู้นำจีน หลังเกิดสงครามกลางเมืองสู้รบกันระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อ พ.ศ. 2492 และสงครามได้จบลงเมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นฝ่ายชนะ การพบกันระหว่างผู้นำทั้งสองทำให้ชาวไต้หวันที่ต้องการแยกตัวออกจากจีน หวั่นวิตกว่าประธานาธิบดีหม่าจะนำไต้หวันไปสวามิภักดิ์ต่อจีน ประธานาธิบดีหม่าได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ก่อนออกเดินทางไปหารือกับผู้นำจีนที่สิงคโปร์ว่า เป้าหมายสำคัญในการหารือคือการทบทวนเหตุการณ์ในอดีต และการมองไปในอนาคตร่วมกัน เพื่อรักษาสันติภาพและสถานภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไว้ นอกจากนั้นการหารือในครั้งนี้ยังจะเป็นช่องทางใหม่สำหรับผู้นำไต้หวันคนต่อๆ ไป ที่จะใช้ในการเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีน

ทีมต่างประเทศ

CR:AFP