*รอบวัน:นายกฯเตือนอดีตสส.สร้างวาทกรรมคนเข้าใจผิดใช้ม.44/สัดส่วนสส.บัญชีรายชื่อ150/เขต350/คุมโฆษณาชา-น้ำอัดลมชิงทอง*

05 พฤศจิกายน 2558, 08:48น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.



+++ปัญหาจำนำข้าว พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าสถาบันสื่อมวลชนจะเป็นกุญแจสำคัญในการเยียวยาประเทศไทยเสนอข่าวที่เป็นข้อเท็จจริง ควรลดการนำเสนอข่าวที่จะเพิ่มความขัดแย้งในสังคม โดยเฉพาะข่าวสารที่สร้างจากบางกลุ่มบางองค์กร มีเป้าหมายเพื่อประโยชน์เฉพาะตัว นายกฯยังฝากถึงอดีต ส.ส.หลายคน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่ยังพยายามปลุกระดมให้เกิดการรวมกลุ่มของประชาชนในบางพื้นที่ เพื่อออกมาต่อต้านการดำเนินคดีจำนำข้าวว่า หากเชื่อว่าตนไม่ผิดก็ควรต่อสู้ด้วยหลักฐานตามกระบวนการยุติธรรม เหมือนผู้ถูกกล่าวหาในคดีอื่นๆ ไม่ควรมาปลุกปั่นให้สังคมวุ่นวาย และอาจทำให้ต่างชาติเข้าใจกระบวน การยุติธรรมของไทยผิดไปจากข้อเท็จจริง



“ การพยายามสร้างวาทกรรมให้เข้าใจไปว่าการใช้ ม.44 เพื่อดำเนินการในคดีทุจริตจำนำข้าว เป็นการใช้อำนาจที่เกินความจำเป็น ไม่เป็นธรรมต่ออดีตนายกฯพวกนั้น อยากเรียนย้ำอีกครั้งว่า คำสั่งที่ 39/2558 ใช้เพื่อการบริหารจัดการข้าวในสต็อก ต้องดำเนินการด้วยความสุจริตเท่านั้น ส่วนการดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องในโครงการจำนำข้าว เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมตามระบบปกติทุกขั้นตอน จึงอยากให้ทุกส่วนเข้าใจอย่างถูกต้อง และไม่ตีความเกินเลยผิดจากข้อเท็จจริง”



พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นประธานพิธีเปิดตัวมูลนิธิต่อต้านการทุจริต โดยมีนายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานมูลนิธิต่อต้านการทุจริต พร้อมด้วยผู้บริหารจากภาคราชการ ภาคเอกชน นักการเมือง และภาคประชาสังคมเข้าร่วมงาน โดยมูลนิธิต่อต้านการทุจริต มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด ได้ทำพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการต่อต้านการทุจริตกับสถาบันการศึกษาต่างๆ จำนวน 11 สถาบัน อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์สร้างเครือข่ายแนวทาง 3 หลัก คือ ป้องกัน ปราบปราม และปลุกจิตสำนึก           พล.อ.ประยุทธ์ ฝากว่าอย่าทำงานด้วยความเกลียดชังและความรู้สึกส่วนตัว แต่ต้องใช้กฎหมายดำเนินการ ซึ่งจะไม่ยอมให้มีการทุจริตแบบสมยอมเกิดและจะไม่ให้อภัยคนกระทำความผิดที่ไม่เข้ากระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะพยายามทำให้เข้าสู่กระบวนการให้ได้โดยให้ข้าราชการองค์กรอิสระทำงานด้วยความสบายใจไม่รู้สึกกดดัน ขณะเดียวกันต้องสร้างความน่าเชื่อถือ ความเชื่อมั่น และลดความหวาดระแวงในกระบวนการยุติธรรมด้วยวันนี้มี 2 ส่วนคือ กลุ่มที่เข้าสู่กระบวนการและที่ไม่เข้ากระบวนการ ซึ่งกฎหมายมีทางออกอยู่แล้ว แต่อย่าตกเป็นเครื่องมือคนที่ไม่เข้าสู่กระบวนการแล้วพูดจาให้ร้ายเสียหาย



++++พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า จะต้องเลือกตั้งในเดือน ก.ค.2560 ตนไม่คิดที่จะอยู่เกินแม้แต่วันเดียว ไม่รู้เป็นกรรมหรือไม่ที่มาเป็นนายกฯวันนี้ยังมีคนบิดเบือนอยู่ทำให้เสียสมองไปมาก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาโครงการรับจำนำข้าว แทนที่จะเดินหน้าประเทศต่อไป ซึ่งในเรื่องของกฎหมายจะผิดหรือไม่ ไม่ทราบพูดไม่ได้ แต่มีข้าราชการเดือดร้อน และต้องมาเสียเวลาในเรื่องที่ไม่ควรจะเสีย โครงการนี้ชาวนาได้ประโยชน์หรือไม่ ไม่ทราบ แต่ต้องแยกให้ออกเรื่องของการทุจริต ถ้ายังมีโครงการแบบนี้อีกเราก็ไม่ได้มานั่งตรงนี้เพราะประเทศล้มไปแล้วเพราะไม่มีเงิน



++++ นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบนายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าฯ กทม. ทุจริตต่อหน้าที่ราชการและร่ำรวยผิดปกติจากการบริหารงานในกทม.ว่า อยู่ในขั้นตอนของสำนักงานเลขาธิการป.ป.ช.ที่จะสรุปเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาว่าอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.ที่จะไต่สวนหรือไม่ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการโดยเร็ว ส่วนการถอดถอนนายจุติ ไกรฤกษ์ อดีต รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กรณีการลงนามสัญญาธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี ระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)นั้น สั่งให้เจ้าหน้าที่คณะทำงานสรุปหลักฐานเพิ่มเติม แต่คงไม่ต้องเชิญนายจุติเข้ามาให้ปากคำแล้ว



+++คืบหน้า การร่างรัฐธรรมนูญ  กรธ. พิจารณาปรับวิธีคำนวณ ส.ส.แบบจัดสรรปันส่วนผสม หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ยังไม่สรุป ยืนยันนำทุกข้อเสนอแนะมาพิจารณา โดยอยู่บนพื้นฐานทุกคะแนนเสียงมีความหมาย นายนรชิต สิงหเสนี โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ แถลงว่า นายประพันธ์ นัยโกวิท ประธานอนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายนิติบัญญัติ ได้เสนอความคืบหน้าระบบการเลือกตั้งต่อที่ประชุม  ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า จำนวน ส.ส.จะอยู่ที่ 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.เขต 350 คน และบัญชีรายชื่อ 150 คนที่ประชุมยังมีการเสนอวิธีการคำนวณคะแนน ส.ส.เขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบใหม่ หลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ผู้ชนะการเลือกตั้งแบบเขตไม่ได้รับความเป็นธรรม เช่น วิธีแรก ให้นำส่วนต่างระหว่างผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดของ ส.ส.เขตกับผู้ที่ได้รับคะแนนลำดับที่ 2 ของ ส.ส.เขต มาเพิ่มให้เป็นคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดในแบบเขต



หรือ วิธีที่ 2 ให้นำส่วนต่างระหว่างผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดของ ส.ส.เขต กับคะแนนรวมของผู้แพ้การเลือกตั้งในเขตนั้นทั้งหมด มาเพิ่มให้เป็นคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด แต่หากผลรวมของผู้แพ้ทั้งหมด มีมากกว่าผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดในส.ส.เขต จะถือว่า ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดไม่ได้ชนะใจคนส่วนใหญ่ของเขตนั้น ดังนั้น ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด จะไม่ได้นำคะแนนไปเพิ่มให้กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อในพรรคเดียวกัน



ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  เชื่อว่าจะไม่สามารถขจัดการซื้อสิทธิขายเสียงได้ จึงต้องหาวิธีการอื่นเข้ามาแก้ไข มั่นใจว่านายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการ กรธ.จะสามารถหาวิธีการเลือกตั้งที่ยึดหลักประชาธิปไตยที่ดีที่สุดและสามารถแก้ไขปัญหาได้ เมื่อถามว่าที่จะกำหนดให้มีจำนวน ส.ส.ในรัฐธรรมนูญใหม่ จำนวน 500 คน มากเกินไปหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เป็นตัวเลขใกล้เคียงกับ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ 470 คน แต่คิดว่าเรื่องตัวเลขไม่สำคัญ โดยร่างรัฐธรรมนูญแรกของ กรธ.จะออกมาในเดือน ก.พ.59 เพื่อส่งให้หน่วยงานต่างๆพิจารณา จากนั้น กรธ.นำกลับไปพิจารณาต่อในกรอบ 6 เดือน



++++หลังกลุ่มดาราคนดังโพสต์ภาพคู่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่อาจเข้าข่ายกระทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ล่าสุด นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด พร้อมทีมทนายความ ได้เข้ายื่นหนังสือชี้แจงกรณีการลงภาพเครื่องดื่มชนิดหนึ่งของบริษัทถึง นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีนิติกรของสำนักงานรับหนังสือแทน นพ.สมาน กล่าวว่า กรณีที่บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่จำกัด ออกมารับผิดแทนดาราและขอร้องไม่ให้เชิญดาราเข้ามาให้ข้อมูลนั้น ตนตัดสินใจเองคนเดียวไม่ได้ จะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ เพื่อพิจารณา อย่างไรก็ตามกรณีนี้ถือเป็นความผิดอาญาจึงไม่สามารถรับผิดแทนกันได้ โดยเฉพาะบริษัทดังกล่าวระบุว่ามีการว่าจ้างไปร่วมอีเวนท์ของบริษัทเองตรงนี้ก็คือเป็นกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกัน แม้จะเป็นการโพสต์เพื่อขอบคุณโดยไม่ได้ว่าจ้างแต่ผลประโยชน์ก็ตกกับบริษัท ตรงนี้ถือว่าครบองค์ประกอบความผิด



++++นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปแล้วว่าให้ทำตามที่กฎหมายกำหนด แต่อย่าไปเป็นศัตรู ควรทำให้เป็นพวกเดียวกันและทำให้สังคมดีขึ้น เมื่อมีคนที่ยังไม่รู้กฎหมายก็ทำให้รู้ เมื่อรู้แล้วก็มาร่วมมือกันดำเนินการให้ดีขึ้น ซึ่งศิลปิน ดาราเป็นคนดี เมื่อเข้าใจกฎหมายมากขึ้นแล้วก็ล้วนแต่อยากช่วยสังคมทั้งสิ้น ไม่จำเป็นต้องไปหาเรื่องสร้างความขัดแย้งกันและกัน กรณีการเปิดลานเบียร์ กฎหมายไม่ได้ห้ามไม่ให้มีลานเบียร์ และไม่ได้กลั่นแกล้งผู้ประกอบการหรือใคร ซึ่งการเปิดลานเบียร์ต้องขออนุญาตก่อนอยู่แล้ว จึงเปิดได้หากได้รับอนุญาต แต่อย่าทำอะไรที่เกินเลยกว่าที่กฎหมายอนุญาต อย่าทำอะไรที่กฎหมายห้ามไว้ในมาตรา 32 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็สามารถดำเนินการได้



+++ประเด็นเศรษฐกิจ กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% โดยปัจจัยสำคัญมาจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ เศรษฐกิจไตรมาสที่ 3 ฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2 และอุปสงค์ในประเทศเริ่มฟื้นตัวในหมวดสินค้าที่ไม่คงทน และเริ่มเห็นการลงทุนบางสาขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้น และคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกมาจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ส่วนหนึ่ง ส่วนภาวะการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนยังเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอยู่



++++ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) รายงานผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยโดยบริษัทฟิทช์ เรตติ้งส์ ว่า ฟิทช์ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของหนี้ระยะยาวและระยะสั้นสกุลเงินต่างประเทศของรัฐบาลไทย ที่ BBB+ และ F2 ตามลำดับ ฟิทช์ได้ปรับลดอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2558 จาก 3.5% ในรายงานครั้งก่อนหน้า เหลือ 2.7% และแม้ว่าภาคการท่องเที่ยวจะอยู่ในสถานะดีอย่างเห็นได้ชัด แต่อุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนแอลงและความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง   ไทยยังมีความเสี่ยงต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ขณะที่ปัจจุบันหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 80 ของจีดีพี และเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อันเป็นผลจากมาตรการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลในปี 2554-2555



+++หลัง กลุ่มผู้ค้าสลากรายย่อยกว่า 500 คน อ.วังสะพุง จ.เลย รวมตัวกันปิดถนนสายมะลิวัลย์ พ.ท.หนุน ศันสนาคม กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการสลาก เตรียมเข้าไปตรวจสอบกลุ่มยี่ปั๊วที่ทำธุรกิจขายส่งสลากที่วังสะพุง เพราะบอร์ดสลากฯไม่มีนโยบายเรื่องของการค้าส่ง   โดยใช้มาตรา 44 เพื่อเข้าไปตรวจสอบภาษีย้อนหลัง โดยกรมสรรพากรได้เรียกกลุ่มยี่ปั๊วมาตรวจสอบแล้วหลายราย ดังนั้นเมื่อกลุ่มยี่ปั๊ววังสะพุงขายส่งขายสลากแพง จะใช้มาตรการตรวจสอบภาษีย้อนหลังเช่นกัน โดยวังสะพุงเป็นตลาดค้าส่งสลากใหญ่อันดับ 2 รองจาก กทม. เราไม่อยากให้มีตลาดค้าส่ง แต่เมื่อเกิดมานาน คงต้องค่อยๆ แก้กันไป ในช่วงต้นเดือนธันวาคมจะมีสลากสำหรับให้ผู้ค้ารายย่อยจองซื้อผ่านกรุงไทยเพิ่มอีก 8 หมื่นเล่มคู่ (16 ล้านฉบับ) จากการยกเลิกสัญญานิติบุคคล และ 5 เสือรายใหญ่ ซึ่งทำให้สัดส่วนสลากของผู้ค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นจาก 26 ล้านฉบับ เป็น 44 ล้านฉบับ ตรงนี้จะทำให้รายย่อยเข้าถึงสลากได้มากขึ้น ด้านเครือข่ายคนพิการผู้เดือดร้อนเรื่องเงินประกันสลาก ร้องนายกรัฐมนตรี ให้ระงับประกาศของสำนักงานสลากฯ กำหนดต้องวางค้ำประกันการเป็นตัวแทนจำหน่ายสลาก หลักประกันในการเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากฯ ต้องวางเงินประกัน 100% เท่ากับ 8,000 บาทต่อ 1 เล่มคู่ จากปกติเมื่อไปรับสลากจะจ่าย 7,040 บาทต่อเล่ม         "เราคงจะไม่มีเงินไปวางมัดจำอย่างแน่นอน แล้วก็จะต้องถูกตัดสิทธิออกไป ทำให้เราต้องไปรับสลากมาจากนายทุนอีกที ซึ่งมีราคาประมาณ 7,060-7,080 บาท ทำให้เราได้กำไลที่น้อยลงไปหรือแทบจะไม่ได้เลย



++++ขณะที่ ทพ.สุธา เจียรมณีโชติชัย รองอธิบดีกรมอนามัย เตรียมทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้มีส่วนควบคุมการโฆษณากระตุ้นชวนดื่มน้ำอัดลม ชาเขียวที่ให้ชิงโชค ชิงรางวัล รถยนต์ และทอง เพราะเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้คนไทยหันมาบริโภคหวานมากขึ้น ส่งผลให้คนไทยป่วยเบาหวานเพิ่มจากปี 2552 ที่ร้อยละ 69 เป็นร้อยละ 77 ในปี 2558 โดยคนไทยบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยคนละ 104 กรัม ต่อวัน หรือประมาณ 26 ช้อนชา สูงกว่าที่องค์การอนามัยโลก (ฮู) แนะนำเกือบ 3 เท่าตัว จากการสำรวจพบว่าแหล่งน้ำตาลส่วนใหญ่มาจากเครื่องดื่มที่มีรสหวาน อาทิ น้ำอัดลมมีน้ำตาล 8-10 ช้อนชา ส่วนชาเขียวมีน้ำตาล 12-14 ช้อนชา กาแฟสดหรือชาชงมีน้ำตาล 10 ช้อนชา แม้ว่าน้ำตาลจะเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ แต่ต้องระวังการเติมในอาหารแต่ละชนิด ที่สำคัญคือการเติมน้ำตาลในเครื่องดื่มที่มากเกินไป ดังนั้นสิ่งที่ประชาชนควรตระหนักคืออ่านปริมาณน้ำตาลที่ฉลากและเลือกดื่มเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลอย่างพอเหมาะ โดยแนะนำไม่เกินร้อยละ 5

ข่าวทั้งหมด

X