ทันสถานการณ์โลก06.30 น.
+++ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ผู้นำเมียนมา ส่งสัญญาณเตือน อาจเกิดความรุนแรงนองเลือด คล้ายกับเหตุการณ์หลังการลุกฮือในโลกอาหรับ หรือ อาหรับ สปริง หากรัฐบาลแพ้การเลือกตั้งและสูญเสียอำนาจ ในการเลือกตั้งทั่วไปของเมียนมา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งเป็นที่คาดกันว่าพรรคฝ่ายค้านจะคว้าชัยชนะ คลิปวิดีโอขนาดความยาว 4 นาที ที่มีการตัดต่อแก้ไขอย่างปราณีต และโพสต์ลงบนหน้าเฟซบุ๊คของประธานาธิบดีเต็ง เส่ง นายซอว์ ฮเตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานประธานาธิบดีเมียนมา กล่าวว่า คลิปดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนเมียนมา เข้าสู่ความเป็นประเทศประชาธิปไตย แต่คลิปวิดีโอนี้สร้างความไม่พอใจแก่ผู้คนในสังคมออนไลน์ของเมียนมาในวงกว้าง ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ท้องถิ่นจำนวนมาก กล่าวหาเป็นแผนสกปรกของทำเนียบประธานาธิบดี พร้อมย้ำว่า เราไม่อาจเป็นได้อย่างอเมริกาหรือสิงคโปร์ในทันที เราต้องรอ คณะกรรมการการเลือกตั้งของพม่า เปิดเผยวันนี้ (3 พ.ย.) ว่า มีนักสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ทั้งชาวพม่าและชาวต่างชาติ รวมทั้งหมด 10,524 คน ที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ เพื่อเตรียมสังเกตการณ์การเลือกตั้งทั่วไป ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้ แถลงการณ์ยังขอให้นักสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ปฏิบัติตามกฎระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ร่างขึ้นสำหรับนักสังเกตการณ์การเลือกตั้ง และขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศ
+++ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซีซี ของอียิปต์ว่า ผู้นำอียิปต์ปฏิเสธคำอ้างของกลุ่มย่อยของกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ที่ว่าเป็นผู้ลงมือยิงเครื่องบินของรัสเซียตกที่คาบสมุทรไซนายว่าเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อ ดังนั้น การวิเคราะห์กล่องดำ ซึ่งจะช่วยคลี่คลายเงื่อนงำอุบัติเหตุของเครื่องบิน เจ้าหน้าที่อียิปต์ เริ่มขึ้นด้านนายดมิตรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าวว่า คณะผู้สอบสวนของรัสเซียยังไม่ได้ตัดทิ้งประเด็นใดๆ แต่เตือนสื่อไม่ให้คาดเดาต่างๆนานาเกี่ยวกับสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ จนกว่าจะมีการแถลงเรื่องผลสอบสวนอย่างเป็นทางการด้านสื่อมวลชนสหรัฐฯรายงาน อ้างดาวเทียมทหารอเมริกาตรวจพบแสงร้อนวาบบนท้องฟ้าเหนือคาบสมุทรไซนายในช่วงเวลาที่เครื่องบินโดยสารของสายการบินรัสเซียโหม่งโลกคร่าชีวิตยกลำ 224 ศพ ตอกย้ำข้อสันนิษฐานที่ว่ามันอาจระเบิดกลางอากาศก่อนร่วงสู่พื้น
++++กองทัพอากาศรัสเซียและสหรัฐฯดำเนินการซ้อมรบร่วมในซีเรียเมื่อวันอังคาร(3พ.ย.) แต่ก.กลาโหมสหรัฐ ปฏิเสธรายงานข่าวจากรัสเซีย โดยบอกว่าการติดต่อระหว่างเครื่องบินขับไล่ลำหนึ่งของสหรัฐฯและเครื่องบินขับไล่ลำหนึ่งของรัสเซียเหนือท้องฟ้าซีเรียนานราว 3 นาที เป็นเพียงการทดสอบที่สัมพันธ์กับกฎระเบียบด้านความปลอดภัยที่เพิ่งตกลงกันไปและไม่ใช่การซ้อมรบทางทหาร
+++นายไอยมาน อัล-ซาวาฮิรี หัวหน้าใหญ่คนปัจจุบันของเครือข่ายก่อการร้ายสากล อัล-กออิดะห์ ออกแถลงเรียกร้องแนวร่วมสนับสนุนทั่วโลก ปฏิบัติการแบบฉายเดี่ยวโจมตีกลุ่มประเทศตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา พร้อมกับกล่าวยกย่องชาวปาเลสไตน์ ที่โจมตีชาวอิสราเอลเมื่อเร็วๆ นี้ ซาวาฮิรี อดีตศัลยแพทย์ชาวอียิปต์ วัย 64 ปี กล่าวผ่านเทปบันทึกวิดีโอ เผยแพร่บนทวิตเตอร์ และได้รับการแปลโดยกลุ่ม เอสไอทีอี ที่จับตาตรวจสอบเว็บไซต์ของกลุ่มหัวรุนแรงกลุ่มต่างๆ โดยยกตัวอย่างการโจมตีแบบตามลำพัง นายทาเมอร์ลัน และนายโชการ์ ซาร์นาเยฟ ใช้ระเบิดโจมตีการแข่งขันวิ่งมาราธอนที่เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2556 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 3 ศพ และได้รับบาดเจ็บ 264 คน นอกจากนั้นยังได้กล่าวย้ำข้อเรียกร้อง ที่เขากล่าวเป็นครั้งแรกเมื่อเดือน ก.ย. ที่ให้บรรดานักรบศักดิ์สิทธิ์รวมตัวกัน ตั้งแต่ตุรกีไปจนถึงแอฟริกาเหนือ แม้ว่าเขาจะปฏิเสธรัฐทางศาสนา ที่ประกาศโดยกลุ่มไอเอส ซึ่งยึดครองพื้นที่กว้างขวางในอิรักและซีเรีย
+++ราคาน้ำมันปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามความคาดหมายกำลังการกลั่นจะสูงขึ้นเพื่อให้ตรงตามอุปสงค์ที่สูงขึ้น
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 50.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 89.39 จุด ปิดที่ 17.918.15 จุด ส่วนราคาทองคำเมื่อวันอังคาร(3พ.ย.) ดิ่งลงอย่างหนัก และขยับลงต่อเนื่อง โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 21.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,114.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++ศาลอินโดนีเซียมีคำพิพากษาให้จำคุก 2 เดือน 15 วันสำหรับนายเนล บอนเนอร์ และน.ส.รีเบกกา โพรสเซอร์ สองนักข่าวชาวอังกฤษ สั่งปรับอีกคนละ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ระบุว่าทั้งสองทำผิดกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองของอินโดนีเซีย โดยลักลอบถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีเรื่องหนึ่งให้กับสถานีโทรทัศน์เนชั่นแนล จีโอกราฟิก โดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว แทนที่จะทำเรื่องขอวีซ่าพิเศษสำหรับสื่อมวลชน ซึ่งจะใช้เวลาพิจารณาอนุมัติค่อนข้างนานกว่าวีซ่านักท่องเที่ยวแต่เนื่องจากทั้งสองรับโทษจำคุกมาครบแล้วระหว่างที่ถูกควบคุมตัว ศาลจึงอนุญาตให้นักข่าวทั้งสองเดินทางกลับอังกฤษได้ใน 2 วันนี้ นายบอนเนอร์ กล่าวว่ารู้สึกดีใจที่จะได้กลับอังกฤษในเร็วๆนี้ แต่รู้สึกเศร้าที่ถูกขังอยู่ในสภาพที่ลำบากมานาน พร้อมทั้งกล่าวถึงคดีนี้ว่า เป็นการลิดรอนเสรีภาพของสื่อ
++++เว็บไซต์ Malaysiandigest.com เผยแพร่คลิปจากกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพเหตุการณ์วินาทีที่เหยื่อสาวกำลังใช้บริการขึ้นลิฟท์ของคอนโดฯ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพียงลำพัง โดยมีคนร้ายเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ 2 ราย เดินติดตามเข้ามาในลิฟท์ด้วย จากนั้นคนร้ายจะรอจังหวะให้เหยื่อสาวกดลิฟท์เลือกชั้นที่จะไปให้เสร็จก่อน เพื่อที่คนร้ายจะกดลิฟท์ในชั้นที่จะถึงก่อนชั้นของเหยื่อสาว กระทั่งพอลิฟท์มาหยุดอยู่ที่ชั้นของคนร้าย "ช่วงที่ประตูลิฟท์เปิดออก หนึ่งในสองคนร้ายได้ปรี่เข้าไปตีศอกใส่หน้าเหยื่อสาวจนล้มคว่ำ เปิดทางให้เพื่อนอีกคนผวาเข้ามากระชากกระเป๋าสะพาย แต่ปรากฏว่าเหยื่อต่อสู้ขัดขืน สองคนร้ายจึงรุมชกต่อยแบบไม่ยั้ง ก่อนจะลากทั้งคนและกระเป๋าออกไปนอกลิฟท์และรุมสกรัมอีกรอบหนึ่งจนเหยื่อสลบเหมือด จากนั้นทั้งคู่ได้เข้ามาในลิฟท์อีกครั้งเพื่อลงไปที่ชั้นล่าง และหลบหนีไปพร้อมกับทรัพย์สิน ส่วนเหยื่อสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส" เหตุการณ์นี้ถูกระบุว่าเกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.41 น. วันที่ 17 ต.ค.58 สร้างความตื่นกลัวให้กับหญิงสาวจำนวนมากที่จำเป็นต้องขึ้นลิฟท์เพียงลำพังในเวลากลางคืน ถึงขั้นที่โลกออนไลน์พยายามแสดงความคิดเห็นถึงการป้องกันตัว ทั้งให้ออกจากลิฟท์ทันทีถ้าต้องเข้าไปพร้อมกับผู้ชายที่ไม่น่าไม่วางใจ รวมทั้งอาจให้ รปภ.ของโรงแรมหรือคอนโดขึ้นไปส่งเป็นเพื่อนก็ได้
+++ ผลสำรวจล่าสุดของคอมมอน เซนส์ มีเดีย ระบุว่า วัยรุ่นในสหรัฐฯใช้สื่อเพื่อความบันเทิงมากถึงวันละ 9 ชั่วโมง ซึ่งมากกว่าเวลานอน เวลาในการพูดคุยกับผู้ปกครองและครู ผลศึกษานี้เป็นเสมือนสัญญาณเตือนถึงผู้ปกครอง นักการศึกษา ผู้กำหนดนโยบาย นักธุรกิจและคนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสื่อว่า การกำหนดเนื้อหาที่เหมาะสมลงในเทคโนโลยีสื่อถือว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนและเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเพราะเนื้อหาของสื่อจะมีผลต่อแนวคิดและพฤติกรรมของกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่นที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต