รอบเที่ยง:เฟดคงดอกเบี้ยส่งสัญญาณดีกับศก.ไทย/3 สนช.ใหม่รายงานตัว/คมนาคมเอาจริงแท็กซี่ไม่กดมิเตอร์*

+++นางทองอุไร ลิ้มปิติ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กรณีที่มีข่าวว่า ธนาคารพาณิชย์บางแห่งได้รับ อีเมลจากผู้ไม่ประสงค์ดีจากต่างประเทศระบุว่าจะก่อกวนช่องทางเครือข่ายของธนาคารที่จะทำให้ช่องทางการให้บริการออนไลน์เต็ม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการให้บริการผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตของธนาคาร  ธปท. ชี้แจงว่า  ธปท. และธนาคารพาณิชย์ ให้ความสำคัญต่อความเสี่ยงด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง โดยยึดหลักการรักษาความปลอดภัยและความถูกต้องของข้อมูลลูกค้า รวมถึงให้ระบบมีความพร้อมใช้งานอย่างต่อเนื่อง

+++ทั้งนี้ การก่อกวนช่องทางอินเทอร์เน็ตจากผู้ไม่ประสงค์ดีมีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งกรณีนี้ธปท.ได้รับรายงานจากธนาคารพาณิชย์มาโดยต่อเนื่อง และได้แจ้งให้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งเพิ่มความระมัดระวังและเตรียมการรับมือต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งได้กำชับให้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งจัดให้มีมาตรการรองรับจากกรณีข้างต้นเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับลูกค้าของธนาคาร

+++การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเรียกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจทั้งหมดเข้าพบหาแนวทางแก้ปัญหา  หลังธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป ร้อยละ 0-0.25  ยืนยันว่า การปรับลดอันดับในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลต่อความเขื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ  เป็นสัญญาณที่ดีกับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ในภาวะที่สถานการณ์ของสหรัฐฯ ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ดังนั้น การคงอัตราดอกเบี้ยจึงเป็นแนวทางที่ถูกต้อง

+++ขณะที่ ประเทศไทย ได้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไว้อยู่แล้ว จึงเชื่อว่า จะสามารถรองรับกับความผันผวนของเงินทุนไหลเข้า-ออกได้ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง มีเครื่องมือในดูแลเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนกรณีที่ไทยมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า จากปัจจุบันที่ร้อยละ 1.5 ต่อปี มองว่า หากภาวะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถือเป็นเรื่องปกติ

+++สำหรับ เศรษฐกิจไทยคาดจะเริ่มฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้ และเห็นผลชัดเจนในไตรมาสแรกของปี 2559 โดยมีสนับสนุนจากการที่เศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อภาคการส่งออกของไทย ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะเห็นผลดีต่อการบริโภคในประเทศ และทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาสูงขึ้น

+++ส่วนการจัดอันดับความยากง่ายในการดำเนินธุรกิจ หรือ Doing Business ของธนาคารโลกที่ไทยถูกปรับลดอันดับมาอยู่ที่อันดับที่ 49  เกิดจากการปรับเปลี่ยนระบบในการคำนวน และหลังจากที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามาทำงาน ได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อดูแลเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะ โดยมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรค เช่น การเสียภาษีที่มีความซ้ำซ้อน การขอใบอนุญาตจัดตั้งโรงงาน เป็นต้น โดยมั่นใจว่าในการประเมินรอบหน้าอันดับของไทยจะปรับตัวดีขึ้น

+++นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า แม้มูลค่าการส่งออกของไทยช่วงเดือนมกราคม-กันยายน 2558 จะหดตัวร้อยละ 4.98 จากช่วงเดียวกันของปี 2557 แต่ดีกว่าประเทศอื่น ๆ มาก

+++กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผย รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) ฉบับเดือนตุลาคม 2558 คาดการณ์มูลค่าการส่งออกรวมของโลกปี 2558 ที่ 16,531 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวลดลงจากปี 2557 ร้อยละ 11.17 จากปัจจัยสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้า ไอเอ็มเอฟ ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 3.1 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินปี 2552 ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าการขยายตัวปี 2557 ที่ขยายตัวร้อยละ 3.4  ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ว่าราคาสินค้าส่งออกของโลกจะลดลงกว่าร้อยละ 16.9 ตามราคาน้ำมัน

+++สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งเพิ่มเติม จำนวน 3 คน ได้แก่ พล.ร.อ. ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ. พัลลภ ตมิศานนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รายงานตัว พล.ต.อ.พงศพัศ เปิดเผยว่า การทำหน้าที่สนช.ครั้งนี้มีความพร้อมที่พิจารณากฎหมาย ซึ่งส่วนตัวทำงานด้านตำรวจมาโดยตลอดก็จะนำประสบการณ์มาปรับใช้ ส่วนงานคณะกรรมาธิการ มีความสนใจในคณะกรรมาธิการการกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ แทนพล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ที่ลาออกไป

+++กระทรวงคมนาคม พร้อมดำเนินคดีแท็กซี่ที่ยังมีพฤติกรรมวิ่งไม่กดมิเตอร์ นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก กวดขันดูแลกรณีแท็กซี่ไม่กดมิตเตอร์ หรือ แท็กซี่เหมาจ่าย ซึ่งได้มีการจับกุมลงโทษไม่น้อย  ดังนั้นเพื่อให้การลงโทษผู้กระทำผิดจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด สิ่งสำคัญขอให้ประชาชนผู้โดยสารช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบแท็กซี่รายใด หรือกลุ่มไหนมีพฤติกรรมดังกล่าวสามารถร้องเรียนได้ทุกช่องทางที่กระทรวงคมนาคมมี โดยเฉพาะสายด่วน 1584 ของกรมการขนส่งทางบก หรือแอพลิเคชั่นบนมือถือ DLT เช็คอินที่มีการเปิดตัวไปก่อนหน้านี้

+++ส่วนการขอปรับค่าโดยสารของแท็กซี่ในระยะที่สอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยกรมการขนส่งทางบก จะส่งข้อมูลการสำรวจความพึงพอใจรอบใหม่ให้กระทรวงคมนาคมประกอบการพิจารณาเร็ว ๆ นี้ โดยไปตามหลักเกณฑ์ คือ พิจารณาผลวัดความพอใจของผู้โดยสาร ประกอบกับตัวเลขชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่นภาวะเงินเฟ้อ ค่าครองชีพ เพื่อดูผลกระทบที่จะมีต่อผู้ใช้บริการด้วย