การสอบปากคำบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องในคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 หนึ่งในชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า มีการแบ่งชุดพนักงานสอบสวนไว้หลายสิบชุด ซึ่งจะแยกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในแต่ละสำนวนคดีกันไป หากบุคคลที่จะสอบปากคำเป็นผู้มีความสำคัญ ก็จะมอบหมายให้หัวหน้าชุดสอบสวนในแต่ละชุดไปสอบปากคำ ซึ่งจะมียศพันตำรวจเอกถึงพลตำรวจตรีไปสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย
ด้านการสอบปากคำ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ จะมีคณะพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่อาจไม่ได้ไปสอบปากคำนายธนินท์โดยตรง ส่วนกรณีบริษัทเอกชนที่รับผลิตสินค้า เช่น เข็มกลัด เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินการซื้อขายอย่างสุจริต ซึ่งการคิดกำไรการขาดทุนเป็นเรื่องของทางการค้าปกติอยู่แล้ว แต่ก็ต้องเรียกมาสอบปากคำว่ามีเจตนาอื่นแอบแฝงหรือไม่
ส่วนกรณีนายศุกร์โข ตามเสรี ผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีครอบครองอาวุธปืน ของพ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับ ยังอยู่ระหว่างรวมรวบพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีเช่นเดียวกับผู้ต้องสงสัยอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ออกหมายจับ เนื่องจากเพิ่งมีผู้กล่าวหาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่27 ตุลาคม คณะพนักงานสอบสวนจึงต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำไปขอศาลพิจารณาอนุมัติขอหมายจับต่อไป โดยผู้ต้องหาในชุดหลังหากถูกออกหมายจับจะมีฐานหมิ่นเบื้องสูงหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ของผู้ต้องหาในแต่ละราย หากรายใดมีการนำไปใช้แอบอ้างก็จะถูกดำเนินคดี
สำหรับนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง ที่พบว่าได้มีการโอนย้ายทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดไปให้กับพี่น้องและเครือญาตินั้น เบื้องต้นทางฝ่ายสืบสวนลงไปติดตามทรัพย์สินได้กระจายไปอยู่ที่บุคคลใดบ้าง เพื่อจะทำการยึดทรัพย์สินคืนมา ส่วนจะต้องดำเนินคดีกลุ่มเครือญาติหมอหยองอย่างไรบ้าง เบื้องต้นจะเข้าไปสอบสวนข้อเท็จจริงว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไร ส่วนความผิดเบื้องต้นอาจเข้าข่ายกระทำผิดฐานรับของโจร อย่างไรก็ตาม ชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนจะมีการประชุมอีกครั้งในช่วงบ่ายของวันนี้ ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง