รัฐบาลออสเตรเลีย หนึ่งในประเทศผู้ส่งออกเนื้อสัตว์รายใหญ่ของโลก ออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคารโต้ตอบต่อรายงานขององค์การอนามัยโลก (ฮู) ระบุว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลที่จะเปรียบเทียบความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งจากการบริโภคไส้กรอกกับการสูบบุหรี่
นายบาร์นาบี จอยซ์ รมว.กระทรวงเกษตรออสเตรเลีย กล่าวว่า ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนกไปกับรายงานที่ระบุว่าคุณอาจเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็งลำไส้จากการบริโภคไส้กรอก เนื้อสัตว์แปรรูปอื่นๆ หรือแม้กระทั่งเนื้อแดงทั่วไป ประเด็นสำคัญคือการสร้างสมดุลด้วยการบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เพราะอย่างไรก็ดีเนื้อสัตว์ยังถือได้ว่าเป็นแหล่งโภชนาการสำคัญที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก สังกะสี วิตามินบี 12 และโอเมกา 3 ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย
นอกจากนี้ยังเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์ในโลกยุคปัจจุบันจะหลีกเลี่ยงสารพิษหรือปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็ง หากทำเช่นนั้น อาจหมายความว่าชีวิตของเราต้องล้าหลังย้อนกลับไปสู่ยุคมนุษย์ถ้ำ
ก่อนหน้านี้ องค์การวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ (ไอเออาร์ซี) หน่วยงานภายในกำกับของฮู เผยรายงานเมื่อวันจันทร์ ระบุถึงความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภคเนื้อแดงและการเกิดมะเร็งลำไส้ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยจัดให้เนื้อแดงอยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็งต่อมนุษย์ ประเภท 2เอ เช่นเดียวกันกับยาสูบ แร่ใยหิน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไกลโฟเสต และสารเคมีกำจัดวัชพืชอื่นๆ รายงานระบุว่า การบริโภคเนื้อสัตว์แปรรูปในปริมาณ 50 กรัม ทุกวัน เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ร้อยละ 18 โดยปริมาณดังกล่าวเทียบเท่าได้กับไส้กรอก 1 ชิ้น หรือเบคอนสไลซ์ 2 ชิ้น กองทุนวิจัยมะเร็งโลก (ดับเบิลยูซีอาร์เอฟ) เผยว่า อัตราการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ในออสเตรเลียสูงเป็นอันดับ 8 ของโลก โดยชาวออสเตรเลียเป็นตลาดผู้บริโภคเนื้อแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก
หลังรายงานฉบับนี้ ได้รับการเผยแพร่ก็มีกระแสตอบกลับจาก2 ฝ่าย กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์ได้ออกมารณรงค์แจกคู่มือการเริ่มต้นรับประทานอาหารมังสวิรัติ ขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการทั้งสภาเนื้อแคนาดา และสถาบันเนื้ออเมริกาเหนือ แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งและปฏิเสธไม่ยอมรับรายงานฉบับนี้
CR:WHo