บ่ายวันนี้ ติดตามผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีวาระด้านเศรษฐกิจหลายเรื่อง โดยเฉพาะโครงการช่วยเหลือชาวนา และชาวสวนยางพารา ไปจนถึงมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการบริจาคให้แก่งานวัฒนธรรมและพัฒนาการเรียนรู้
ในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ซึ่งนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า จะหารือกับนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อให้รู้ทิศทางการทำงาน เพราะ สนช.มีหน้าที่ยกร่างกฎหมายประกอบกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในอนาคต
ส่วนนายกลิน ที เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงบ่ายวันนี้
ส่วนนางสาวปราณี ศรีประเสริฐ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดำเนินโครงการตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ที่ทำเนียบรัฐบาลเช่นกัน
ด้าน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 เปิดเผยว่าช่วงบ่ายวันนี้ พนักงานสอบสวนจะนำสำนวนคดีระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทรไปส่งมอบให้กับพนักงานอัยการศาลทหาร กรมพระธรรมนูญ เพื่อให้พิจารณามีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา คือ นายเมียไรลี ยูซูฟู และนายอาเดม คาราดัก หรือ บิลาเติร์ก มูฮัมหมัด ตามความผิด และเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
บ่ายวันนี้ ยังต้องติดตามการทำงานแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย โดยศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) จะประชุมติดตามผลการดำเนินงานของ ศปมผ. ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ โดยจะมีการสรุปผลการคัดกรองเรือประมงที่ต้องเพิกถอนทะเบียนเรือใน 22 จังหวัดที่อยู่ชายฝั่งทะเลทั้งอ่าวไทยและฝั่งอันดามันรวม 8,024 ลำ ที่จะต้องส่งให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งเพิกถอนทะเบียนเรือต่อไป
ส่วนกรุงเทพมหานครมีความคืบหน้าในการรื้อถอนอาคารร้านค้าที่รุกล้ำคลองโอ่งอ่าง บริเวณตั้งแต่สะพานภานุพันธ์ (ฝั่งสะพานเหล็ก) ซึ่งมีการรื้อถอนไปแล้วประมาณ 100 ห้อง และมีการตัดกระแสไฟฟ้าแล้ว
ด้านสถานการณ์ราคาน้ำมันในวันนี้ สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐอเมริกา จะประกาศคาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 23 ตุลาคม 2558 ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 479.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่ ปริมาณน้ำมันเบนซินและน้ำมันสำหรับให้ความร้อนคงคลังคาดว่าจะปรับตัวลดลง 2 ล้านบาร์เรล และ 1.6 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 219.8 ล้านบาร์เรล และ 145.0 ล้านบาร์เรลตามลำดับ
..