การปรับปรุงการดำเนินงานของสำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่ร่วมตรวจสอบ และตัวแทน สสส. เข้าให้ข้อมูลว่า ผลการหารือวันนี้ ทำให้พบว่าจะต้องมีการปรับแก้ พ.ร.บ.สสส. ปี 2544 ใน 3มาตรา เกี่ยวกับบริหาร เพราะรายละเอียดเดิมทำให้ตีความได้กว้าง โดยจะต้องปรับแก้ใน มาตรา3 เรื่องการเสริมสร้างสุขภาพ ที่ต้องทำให้เข้าใจว่าทำอย่างไรจึงจะเรียกว่าทำเพื่อสุขภาพ รวมถึงมาตรา10 เรื่องงบประมาณ ซึ่งงบประมาณของ สสส.แม้จะไม่ได้ผ่านสภา แต่ถือว่าเป็นงบประมาณแผ่นดินที่จะต้องดูแลและใช้ประโยชน์ให้เต็มที่ ที่ผ่านมา สสส.มี พรบ.ของตัวเอง ที่รับรองการใช้เงิน จะสามารถเอาไปทำอะไรก็ได้ ดังนั้น จึงทำให้เกิดข้อครหาในสังคมเกี่ยวกับการทุจริต และในหมวด2 ของ พ.ร.บ.สสส. ที่ว่าด้วยการบริหารงานของเจ้าหน้าที่ ก็ยังมีความทับซ้อน เช่น บางคนเป็นทั้งคณะกรรมการ สสส. และมีมูลนิธิเป็นของตัวเอง ดังนั้นจึงต้องปรับกฎระเบียบ เพื่อให้นำไปสู่การแก้ไขใน3เรื่องนี้
ทั้งนี้ ส่วนตัวจะทำเรื่องรายงานไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อแก้ไขกฎระเบียบดังกล่าว ซึ่งในรายละเอียดของการแก้ไข ขึ้นอยู่กับกระทรวงสาธารณสุข
อย่างไรก็ตาม วันนี้ ยังมีการยกตัวอย่างในแต่ละโครงการให้ในที่ประชุมฟัง ซึ่งก็ทำให้เห็นปัญหาที่สังคมจะมองไม่โปร่งใส ดังนั้นจึงเป็นที่มาของผลการประชุมที่เห็นตรงกันว่าจะต้องปรับระเบียบ พ.ร.บ.สสส.
ส่วนการตรวจสอบเรื่องการทุจริต พล.อ.ไพบูลย์ ระบุว่า วันนี้ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการทุจริตการใช้งบประมาณ และจะมีการตรวจสอบต่อไป ในทุกหน่วยงานของภาครัฐ
ด้านนายสุปรีดา อดุลยานนท์ รักษาการผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า วันนี้ สสส.ได้มาชี้แจง ผลการตรวจสอบ ในทุกประเด็น พร้อมแสดงหลักฐานและข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน ซึ่งที่ผ่านมาได้เผยแพร่ทางสื่อมาโดยตลอด และวันนี้ ยังไม่มีการสอบถามในประเด็นการทุจริต แต่เป็นความเข้าใจในกรอบระเบียบการปฏิบัติที่คลาดเคลื่อน ซึ่งสสส.จะชี้แจงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต่อไป ทั้งนี้ ยืนยันว่า สสส.มีความเคร่งครัดในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนของคณะกรรมการฯ ซึ่งจะต้องดูในรายละเอียดต่อไป
ผู้สื่อข่าว: วิรวินท์ ศรีโหมด