ความคืบหน้าการดำเนินงานศึกษาแผนการเดินรถของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ รฟม. กล่าวภายหลังการประชุม (บอร์ด) รฟม. ว่า วันนี้ที่ประชุมเตรียมเสนอข้อดีและข้อเสียแผนการเดินรถของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ แก่ทางกระทรวงคมนาคมภายในสัปดาห์หน้า จากนั้นจึงจะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) ก่อนส่งให้สำนักงานคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ สคร. พิจารณา โดยกระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 90 วันโดยในส่วนของ รฟม. มองว่า การเดินรถต่อเนื่องจะเป็นประโยชน์กับประชาชนมากกว่าการเดินรถแบบแยกอิสระ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนตลอดระยะเวลาสัมปทาน 25-30 ปี ได้ประมาณ 16,000 ล้านบาท และจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และยังจะมีความปลอดภัยมากกว่าในเรื่องการซ่อมบำรุง เพราะสามารถใช้ศูนย์ซ่อมและทีมปฏิบัติงานร่วมกันได้
ขณะที่การเดินรถแยกอิสระก็มีข้อดี เนื่องจากมีความโปรงใส แต่จะต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับการเดินรถ ทั้งในส่วนค่าใช้จ่ายและเวลาที่เพิ่มขึ้น
ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-เตาปูน ระยะทาง 1 กิโลเมตร ประธานบอร์ด รฟม. ระบุว่า ขณะนี้ รฟม. ได้ข้อยุติแล้วโดยจะเป็นการเดินรถต่อเนื่องซึ่งจะลงนามในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งตามแผนจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ในเดือน ธ.ค.2559 แต่ในส่วนของช่วงบางใหญ่-เตาปูน ก็จะเร่งรัดให้เปิดให้บริการในเดือน ส.ค.2559 และรฟม.จะเร่งรัดให้ส่วนต่อขยาย 1 กิโลเมตรเปิดให้บริการได้ทันในเดือน ส.ค.ปีหน้าเช่นกัน แต่หากล่าช้าก็จะไม่เกิน 4 เดือน
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วง หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และแบริ่ง-สมุทรปราการ พล.อ.ยอดยุทธ ระบุว่า แม้คณะกรรมการจัดการจราจรทางบก หรือ คจร. จะมีมติให้กทม.เป็นผู้เดินรถไฟฟ้าทั้งสองเส้นทาง แต่ รฟม.พบว่า ยังไม่มีข้อกฎหมายที่อนุญาตให้ กทม. สามารถเดินรถในจังหวัดปทุมธานี และจังหวัดสมุทรปราการ จึงจะตั้งคณะกรรมการเพื่อมาศึกษาในข้อกฎหมายเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้เกิดการฟ้องร้องหลังการโอนย้าย
ผู้สื่อข่าว:วิรวินท์ ศรีโหมด