*รอบวันเช้า:หมอกควันมาเลเซียหนักสุดในรอบ18ปี/น้ำในเขื่อนไม่พอทำนาปรับ/แฉFBIจัดฉากก่อการร้าย*

ข่าวเที่ยงครึ่ง

+++พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ แถลงภายหลังตรวจเยี่ยมศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาวิฤกตภัยแล้งระดับชาติ  ถึงสถานการณ์น้ำว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ 481 แห่ง ซึ่งมีปริมาณน้ำใช้การได้ 19,882 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 39 สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในลุ่มเจ้าพระยา 4 อ่าง แต่ยังถือว่าปริมาณน้ำในลุ่มเจ้าพระยา ยังมีน้อยกว่าปี 2557 ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันมีถึง 6 พันกว่าล้านลบ.ม. ยังยืนยันว่าน้ำเพื่อการเกษตร มีไม่เพียงพอให้ทำนาปรังซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคน ยังต้องลงพื้นที่ชี้แจงเกษตรกรให้เกิดความเข้าใจ อย่างต่องเนื่อง ไม่ใช่ออกไปประกาศอย่างเดียวแล้วกลับบ้านเลย ซึ่งการสร้างความเข้าใจเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยไม่จำเป็นต้องประกาศงดส่งน้ำทำนาปรังกันตลอด โดยพยายามให้เกษตรกรเข้าใจวิฤกติและหาทางแก้ไขไปด้วยกัน ฃ

+++มาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลไปให้ถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และเกษตรกรที่งดเว้นปลูกข้าวนาปรังสามารถเข้าโครงการใน8 มาตรการ ที่จะเริ่มวันที่ 1 พ.ย.นี้ โดยมีกลุ่มเกษตรกรเป้าหมาย 4.1 แสนราย สามารถเลือกเมนู 4 ด้าน ปลูกพืชใช้น้ำน้อย อาทิ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว สัตว์ปีก กบ ปลาดุก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด พร้อมมาตรการลดค่าครองชีพ จัดจำหน่ายสินค้าธงฟ้า 400 ครั้ง มาตรการจ้างงาน กลุ่มเกษตรกรเป้าหมาย 1.6 แสนราย มาตรการตามความต้องการชุมชนที่กระทบภัยแล้งใน 77 จังหวัด 882 อำเภอ 6,816 ตำบล และมาตรการให้สินเชื่อและยกเว้นค่าเช่าในที่ดินรัฐ รวมวงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท

+++นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิปีงบประมาณ 2558(ต.ค.57-ก.ย.58) อยู่ที่ 2,207,476 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 117,524 ล้านบาท หรือ 5.1% แต่ยังสูงกว่าปีที่แล้ว 6.4% โดยในเดือน ก.ย.58 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 208,840 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 3,709 ล้านบาท หรือ 1.7%  มีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงตั้งแต่ปลายปี 2557 ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้า ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และรายได้จากสัมปทานปิโตรเลียม ต่ำกว่าประมาณการ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจปี 2557 ที่ชะลอตัวลง และเศรษฐกิจในปี 2558 ยังไม่ฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่

+++ปัญหาควันไฟป่า ในมาเลเซีย รุนแรงสุดในรอบ 18 ปี นายดำรง ใคร่ครวญ เอกอัคราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กล่าวถึงสถานการณ์ควันไฟป่าจากประเทศอินโดนีเซีย ที่แผ่กระจายมายังประเทศมาเลเซียว่า ควันจากไฟป่า เป็นปัญหาที่มาเลเซียต้องประสบอยู่เป็นประจำ เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคนมาเลเซียมาแล้วกว่า 18 ปี แต่ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุด เนื่องจากค่าฝุ่นละอองอยู่ในระดับที่ส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพ โดยได้แจ้งเตือนคนไทยที่พำนักอยู่ในมาเลเซียติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนใหญ่จะทราบวิธีในการป้องกันดีอยู่แล้ว ว่าเมื่อใดที่เกิดเหตุควันไฟป่าในระดับรุนแรง จะต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง และควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งเป็นเวลานานๆ หากเป็นไปได้ควรอยู่แต่ในอาคารที่พัก รวมถึงควรดื่มน้ำมาก ๆ เมื่อรู้สึกแสบคอ  และในเร็ว  ๆ นี้จะมีการประชุมอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 13  (13 th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment and Related Meetings) ระหว่างวันที่ 26-31 ตุลาคมนี้ ที่ประเทศเวียดนาม โดยเชื่อว่าจะมีการหยิบยกปัญหาควันจากไฟป่ามาร่วมหารือ และคงจะมีมาตรการรวมถึงแนวทางป้องกันที่ดีมากขึ้น ส่วนคนไทยที่จะเดินทางมาประเทศมาเลเซีย ยังสามารถเดินทางมาได้ตามปกติ และขออย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่รุนแรงถึงขั้นประกาศภัยพิบัติ

+++การประชุมสภากรุงเทพมหานครในวันนี้ ที่มีร.ต.ต.เกรียงศักดิ์โลหะชาละ ประธานสภากรุงเทพมหานครเป็นประธานการประชุม โดยมีม.ร.ว.สุขุมพันธุ์บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคณะผู้บริหาร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.)เข้าร่วมประชุมที่ประชุมได้รายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาญัตติเรื่องขอให้กรุงเทพมหานครเร่งดำเนินการเตรียมความพร้อมรับผลกระทบคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศกรณีรถและเรือดับเพลิง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่าการนำรถดับเพลิงออกมาใช้งานหรือซ่อมแซมต้องรอผลการตรวจรับรถจากคณะกรรมการของกทม.เพื่อให้เป็นไปอย่างถูกต้องโดยกทม.ได้วางแผนการซ่อมแซมรถและเรือดับเพลิงเบื้องต้นเอาไว้แล้วซึ่งล่าสุดได้รับรายงานว่าเรือดับเพลิงที่ได้จัดซื้อมานั้นยังคงอยู่ในสภาพดี โดยจะเร่งเข้าไปตรวจสอบสภาพของรถและเรือดับเพลิงอีกครั้งส่วนการสร้างสถานีดับเพลิงเพิ่มเติมนั้นตนเห็นด้วย เพราะการเข้าถึงเหตุภัยพิบัติต่างๆต้องสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้โดยเร็วที่สุดซึ่งตนจะนำมาพิจารณาอีกครั้ง

+++ด้านพ.ต.อ.พิชัยเ กรียงวัฒนศิริผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกล่าวภายหลังการประชุมว่าข้อเสนอแนะของคณะกรรมการวิสามัญนั้นกทม.ได้ดำเนินการเจรจาพูดคุยกับบริษัทนามยงค์และทางกรมศุลกากรเพื่อยกเว้นการจ่ายภาษีต่างๆ ส่วนข้อเสนอแนะของสภากทม.ในบางกรณีเช่น การเพิ่มสถานีดับเพลิงเป็นเรื่องที่กทม.พยายามดำเนินการแต่ติดปัญหาด้านอัตรากำลังเจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถจัดตั้งสถานีเพิ่มขึ้นได้แต่หากต้องให้สถานีดับเพลิงไปอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของสำนักงานเขตนั้นๆอาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากงานดับเพลิงเป็นงานที่ต้องอาศัยความรู้และการดูแลโดยเฉพาะด้าน ซึ่งผู้สั่งการจะต้องมีความรู้ในการบรรเทาสาธารณภัยโดยเฉพาะอีกทั้งการจัดตั้งสถานีดับเพลิงตามพื้นที่เขตนั้นอาจส่งผลต่อการเข้าช่วยเหลือในแต่ละพื้นที่เพราะปัจจุบัน สถานีดับเพลิงต่างๆจะจัดตั้งตามจุดใกล้จุดเสี่ยงภัยและสะดวกต่อการไปยังพื้นที่โดยรอบได้อย่างรวดเร็วโเยการเข้าพื้นที่ดับเพลิงจะต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางไม่เกิน8-10นาที

++++นายบุญยอด มาคล้าย นายกเทศมนตรีตำบลหาดเจ้าสำราญ นำสื่อมวลชนใน จ.เพชรบุรี จำนวน 10 คน ลงเรือของชาวประมงพื้นบ้านล่องเรือไปชมฝูงวาฬบรูด้าที่บริเวณกลางทะเลหน้าชายหาดเจ้าสำราญ ห่างจากชายฝั่งประมาณ 6-7 กิโลเมตร พบวาฬบรูด้าจำนวน 2 ตัว กำลังไล่ต้อนฝูงปลากะตักและโผล่พ้นน้ำฮุบกินเหยื่ออยู่หลายครั้ง เป็นวลานานกว่า 1 ชั่วโมง โดยวาฬบรูด้าที่พบเป็นวาฬขนาดโตเต็มวัยและขนาดกลาง คาดว่าน่าจะเป็นแม่กับลูกวาฬบรูด้า +++ทะเลหาดเจ้าสำราญ มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรสัตว์น้ำ ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ของทุกปี จะมีฝูงวาฬบรูด้า หรือวาฬแกลบ ซึ่งเป็นวาฬประจำถิ่นในท้องทะเลอ่าว ก.ไก่ หรืออ่าวไทย เป็นสัตว์ห้ามค้าระหว่างประเทศที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายไทย ที่มีสภาพใกล้สูญพันธุ์ เข้ามาหากินปลากะตัก ซึ่งเป็นปลาขนาดเล็กที่บริเวณหน้าทะเลหาดเจ้าสำราญ เป็นที่เห็นจนชินตาของชาวประมงในแถบนี้ นักท่องเที่ยวที่สนใจชมและสัมผัสความน่ารักของฝูงวาฬบรูด้า สามารถเดินทางมาติดต่อเรือนำเที่ยวและขึ้นเรือได้ที่บริเวณจุดชมวิวหาดเจ้าสำราญ ซึ่งจะมีเรือประมงขนาดใหญ่มาจอดรอให้บริการ ค่าเรือเหมาลำๆ ละ 5,000 บาท จำกัดรับผู้โดยสาย 10-12 คนต่อ 1 ลำ ในกรณีที่มา 2-3 คน หรอไม่ครบลำต้องรวมกับกลุ่มอื่นจนได้จำนวนอย่างต่ำ 10 คน  เรือจะออกเวลาตั้งแต่ 09.30 น.เป็นต้นไป เดินทางไปถึงบริเวณที่วาฬอาศัยอยู่ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง เมื่อพบวาฬแล้วจะติดตามให้บันทึกภาพและสัมผัสความสวยงามประมาณ 1 ชั่วโมง ถึง 1ชั่วโมงครึ่ง แล้วจึงเดินทางกลับ รวมใช้เวลาที่อยู่ในเรือทั้งหมดประมาณ 4-5 ชั่วโมง

++++กลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวหาสำนักสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) ว่า ทำให้คนที่อยู่ในกรอบกฎหมายกลายเป็นผู้ก่อการร้ายจากการจัดฉากและส่งเสริมให้ทำผิดในปฏิบัติการไล่ล่าผู้ก่อการร้ายอย่างเลยเถิด  ในรายงานระบุว่า เอฟบีไอจ้างบุคคลทำหน้าที่เป็นสายแจ้งข่าวไม่ต่ำกว่า 15,000 คนกระจายไปสืบคดีอย่างกว้างขวางตั้งแต่การล่วงละเมิดทางเพศเด็ก การค้ายาเสพติดไปจนถึงการก่อการร้าย สายเหล่านี้มักได้รับค่าตอบแทนสูงและมีเอกสิทธิคุ้มครอง ทำให้บางครั้งใช้อำนาจเลยเถิดถึงขั้นชี้เป้าหมายหรือจัดหาอาวุธให้ผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้าย เช่นกรณีของชายวัย 20 ปีที่ถูกจับเมื่อเดือนเมษายนข้อหาวางแผนจะระเบิดฆ่าตัวตายที่ฐานทัพในเมืองแคนซัสเพื่อกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ผลการสอบสวนพบว่าสายของเอฟบีไอจัดฉากดำเนินการให้เขามานานกว่า 6 เดือน ทั้งถ่ายวีดิทัศน์ ให้รายการวัสดุทำระเบิด และทำระเบิดปลอม ด้านเอฟบีไอยอมรับว่า การใช้สายแจ้งข่าวอาจต้องมีการหลอกลวง ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว หรือร่วมมือกับบุคคลที่อาจต้องสงสัย แต่เป็นการกระทำที่ศาลอนุญาตแล้วว่าจำเป็นและถูกกฎหมาย นอกจากนี้เอฟบีไอยังได้ประเมินและติดตามการทำงานอย่างรอบคอบเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้มีการล่วงล้ำสิทธิของบุคคลต้องสงสัย