หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ครม. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช. ได้กล่าวชี้แจงในที่ประชุมว่า วันที่ 28 ตุลาคมนี้ เวลา 09.30 น. จะมีการประชุมแม่น้ำทั้ง 5 สาย ที่อาคารรัฐสภา เพื่อที่จะนำข้อมูลมาเสนอและแลกเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความสอดคล้องและนำไปวางแผนในสภาขับเคลื่อนปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปท. พร้อมทั้งจะให้มีการจัดตั้งวิปร่วม 3 ฝ่าย ระหว่างคณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. และ สปท. ขึ้น เพื่อให้เกิดการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดการเดินหน้า นิคมยางพารา รัปเปอรซี้ตี้ และศูนย์ยางล้อเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม และการแก้ไขปัญหาเกษตรเรื่องผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งปัญหาทุกเรื่องควรที่จะแก้ไข โดยที่จะต้องนำข้อเท็จจริงมาพูดคุยกัน ว่ามีปัญหาเกิดอย่างไร และจะต้องดูปัญหาอื่นๆนำมาประกอบด้วย โดยที่จะทำเพื่อเอาใจกับบุคคลบางกลุ่มไม่ได้ ซึ่งถ้าหากพูดและรับฟังข้อเท็จจริงกันและกัน ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ พร้อมขอร้องกลุ่มเกษตรกรอย่ากดดันรัฐบาล และเดินขบวน เพราะไม่ใช่แนวทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง พร้อมฝากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง จะต้องเร่งเข้าไปแก้ไขปัญหาการกำหนดราคาพืชผล ทางการเกษตรในแต่ละพื้นที่ด้วย
ส่วนปัญหาความกังวลในการร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมนั้น พล.ต.สรรเสริญ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หาแนวทางจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแยกการร้องเรียนที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจออกจากศูนย์ดำรงธรรม พร้อม เสนอให้ แต่ละกระทรวง ประสานภาคเอกชน เพื่อขยายขอบเขตกิจกรรมที่คืนประโยชน์ แก่สังคม นอกเหนือจากด้านสิ่งแวดล้อม เช่นให้เอกชน ไปส่งเสริมวิสาหกิจชุนชม และโซเซียลบิสสเนส เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดความเชื่อมโยงในทุกมติ
สั่งให้ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช. และสำนักงานตำรสจแห่งชาติ ประสานงานเพื่อบูรณาการ ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในการลงไปเข้มงวดและป้องกัน ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ให้ชัดเจนภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยห้ามมีอาวุธสงครามที่ผิดกฎหมายไว้ครอบครอบ และต้องกวาดล้าง โดยขะต้องเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้คดีผู้ที่มีอิทธิพลลดลง