*ศาลฎีกา พิพากษายืนศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องมือยิงRPGใส่ก.กลาโหม *

20 ตุลาคม 2558, 14:26น.


ศาลอาญา นัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม อายุ 48 ปี อดีตตำรวจ สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันกระทำผิดฐานก่อการร้าย, ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น, ร่วมกันพยายามทำร้ายร่างกายจนเป็นให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันยิงปืนโดยใช้ดินระเบิดในที่ชุมนุม, ร่วมกันมีเครื่องยิงระเบิดไว้ในครอบครองเหตุยิงลูกระเบิดไปยัง กระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 20มีนาคม 2553  ทำให้นายศักดิ์ หาญสงคราม ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ สายเคเบิลโทรศัพท์ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เสียหายเป็นเงินจำนวน 39,421 บาท จำเลยกับพวกมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญ บังคับ รัฐบาลไทยให้ยุบสภา ทั้งยังสร้างความปั่นป่วนให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน การกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าวเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือการก่อการร้ายของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยมีเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 2 จำนวน 1 กระบอก ลูกระเบิดแบบสังหาร เอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก ปืนกลมือ (เอ็ม 3) ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืน .45 จำนวน 48 นัดเหตุเกิดที่แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ แขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงพระนคร เขตพระนคร แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. เกี่ยวพันกัน



ในวันนี้ ส.ต.ต.บัณฑิต จำเลยไม่มาศาลและถูกศาลออกหมายจับเพื่อมาฟังคำพิพากษาก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากมีพฤติการณ์จงใจหลบหนี จึงมีเพียงนายประกันที่ถูกปรับและยึดเงินประกัน 1 ล้านบาทเดินทางมาศาล โดยนายประกันแถลงต่อศาลว่ายังไม่สามารถติดตามจำเลยได้



ศาลเห็นว่าครบกำหนดระยะเวลา 1 เดือนที่ออกหมายจับแล้วแต่ยังไม่มีตัวจำเลย จึงให้อ่านคำพิพากษาทันที โดยศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า จากคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้ง 4 ปาก แสดงให้เห็นว่าพยานเห็นคนร้ายในเวลากลางคืนแม้จะมีแสงสว่างแต่ก็ยังเป็นข้อจำกัดในการมองเห็นและเป็นการพบคนร้ายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ จึงไม่น่าจะมองเห็นชัดเจนและจำหน้าคนร้ายได้แม่นยำ



อีกทั้งพยานโจทก์ที่เห็นคนร้ายก็ได้รู้เห็นเหตุการณ์โดยบังเอิญซึ่งต้องรับฟังอย่างระมัดระวัง ส่วนรถยนต์ของกลางที่โจทก์นำสืบว่ามีการซื้อขายต่อๆกันมา จนกระทั่งมาอยู่ในความครองของจำเลย พยานโจทก์ไม่ได้ยืนยันอย่างชัดเจน เพราะขั้นตอนการซื้อขายใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ส่วนที่โจทก์นำสืบว่าผลการตรวจดีเอ็นเอของจำเลยตรงกับดีเอ็นเอที่เจ้าหน้าที่ตรวจเก็บได้จากเสื้อแจ็กเกตสีดำ ของกลางที่ยึดได้จากภายในรถยนต์คันดังกล่าวนั้น จากรายงานผลการตรวจดีเอ็นเอ เป็นการตรวจหลังเกิดเหตุแล้วประมาณ 2 เดือน ขัดแย้งกับผลการตรวจของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ที่ตรวจหลังเกิดเหตุทันทีและไม่พบดีเอ็นเอของจำเลยพยานโจทก์และพยานแวดล้อมขัดแย้งกันมีเหตุให้สงสัยและยังมีพิรุธอีกทั้งจำเลยให้การปฏิเสธมาตลอด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ยกฟ้องตามศาลอุทธรณ์ 



 คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2554 ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม รวมจำคุกทั้งสิ้น 38 ปี และให้ริบของกลาง ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี ต่อมา   ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง 

ข่าวทั้งหมด

X