ซูเปอร์ไต้ฝุ่นคปปุสร้างความเสียหายอย่างหนักให้แก่ประชาชนทางภาคเหนือของฟิลิปปินส์ และทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 16 คนและต้องอพยพประชาชนอีกมากกว่า 23,000 คน
ฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับพายุโดยเฉลี่ยปีละ 20 ลูก และซูเปอร์ไต้ฝุ่นคปปุเป็นพายุลูกที่ 12 ของปีนี้ โดยเมื่อวานนี้ พายุอ่อนกำลังลงจากระดับ 4 ลงมาอยู่ที่ระดับ 1 และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน หมู่บ้านหลายแห่งมีน้ำท่วมสูง ทำให้ถูกตัดขาด ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ แต่สำนักงานพยากรณ์อากาศคาดว่าจะมีฝนตกต่อไปจนถึงวันพรุ่งนี้
ส่วนเรื่องไฟป่าอินโดนีเซีย นายวาน จูไนดี ตวนกู จาอาฟาร์ รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและพลังงานธรรมชาติมาเลเซีย คาดว่า ปัญหาหมอกควันจากไฟป่าในอินโดนีเซียอาจเบาบางลงช่วงหน้าฝนกลางเดือนพฤศจิกายนนี้
ขณะที่นายเฮอร์รี ปุรโนโม นักวิทยาศาสตร์ประจำศูนย์วิจัยผืนป่าระหว่างประเทศในอินโดนีเซีย เตือนว่า วิกฤติหมอกควันไฟป่าที่เกิดขึ้นในปีนี้อาจเกิดขึ้นมีไปจนถึงเดือนธันวาคมนี้หรือมกราคมปีหน้า
องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ร่วมด้วยมิตรประเทศ เปิดการซ้อมรบครั้งใหญ่ในรอบมากกว่า 10 ปีทางตอนกลางของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีทหาร 36,000 นาย เครื่องบิน 140 ลำ และเรือมากกว่า 60 ลำ เข้าร่วมการซ้อมรบเป็นเวลา 5 สัปดาห์
นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ผู้นำอังกฤษ จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อหาแนวทางป้องกันเยาวชนอายุ 16-17 ปี เดินทางไปเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย โดยรวมถึงการระงับหนังสือเดินทางผู้ต้องสงสัยว่ามีแนวคิดสนับสนุนกลุ่มไอเอสและการใช้ความรุนแรง
กระทรวงต่างประเทศอิหร่าน เปิดเผยว่าอิหร่านและสหภาพยุโรป (อียู) เริ่มดำเนินการตามแผนปฏิบัติการความเข้าใจร่วมข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและ 6 ชาติมหาอำนาจ ขณะที่ทบวงพลังงานปรมาณูสากลหรือไอเออีเอ เตรียมมาตรการที่จะใช้ในการติดตามการทำงานของอิหร่าน
ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ มอบให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงนิวเคลียร์ แต่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรจะมีผลต่อเมื่อรัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐฯ และไอเออีเอ ยืนยันว่าอิหร่านทำตามข้อตกลงแล้วเท่านั้น
ผู้สูงอายุชาวเกาหลีใต้ทั้งชายและหญิงรวม 394 คน เดินทางไปที่เมืองซ็อกโช จังหวัดคังวอน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปร่วมงานรวมญาติระหว่างสองเกาหลีซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 20-26 ตุลาคมนี้ ที่สถานตากอากาศคุมกัง ในจังหวัดคังวอนของเกาหลีเหนือ โดยจะเป็นการพบกับสมาชิกในครอบครัวซึ่งพลัดพรากจากหลังสงครามเกาหลี เมื่อ 60 ปีที่แล้ว
เจ้าหน้าที่ทางการอินโดนีเซียเริ่มทุบทำลายโบสถ์คริสต์ในชุมชนซิงกิล จ.อาเจะห์ เนื่องจากเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่ายื่นคำร้องไปยังทางการท้องถิ่นแล้วหลายครั้ง แต่ทางการก็ไม่ยอมออกใบอนุญาตก่อสร้างโบสถ์ให้
องค์การอนามัยโลก รายงานสถานะความปลอดภัยของท้องถนนโลก ระบุว่าสถานการณ์ในภาพรวมดีขึ้น แต่อุบัติเหตุจากการจราจรยังคงเป็นสาเหตุการตายของผู้คนทั่วโลก 1 ล้าน 2 แสน 5 หมื่นคนต่อปี และยังเป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ของคนอายุ 15-29 ปีทั่วโลก ทำให้รัฐบาลสูญเสียราวร้อยละ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โดยเฉลี่ย แม้ว่าหลายประเทศจะเพิ่มความพยายามยกระดับความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขกฎหมายจราจร และควบคุมสภาพรถยนต์ และถนนปลอดภัยกว่าเดิม
ทั้งนี้ร้อยละ 90 ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุการใช้รถใช้ถนนทั่วโลก อยู่ในประเทศรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำ ทั้งที่มีจำนวนรถและยานพาหนะในสัดส่วนเพียงร้อยละ 54 ของโลก โดยอัตราการตายจากอุบัติเหตุจราจรในแอฟริกา อยู่ที่ 26.6 ต่อประชากรทุก 1 แสนคน เทียบกับยุโรปที่มีอัตราการตายต่ำสุดที่ 9.3
ดอยช์แบงก์ ธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนี ประกาศปรับธุรกิจและการบริหารครั้งใหญ่ ต่อเนื่องจากการที่มีหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารร่วมลาออก 2 คนเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งยังมีคดีความร่วม 6,000 คดีและถูกปรับเมื่อเดือนพฤษภาคมมากถึง 2,500 ล้านดอลลาร์ฐานพัวพันในการทุจริตอัตราดอกเบี้ย
สำนักงานเศรษฐกิจแห่งชาติของจีนแถลงว่าเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 6.9 ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 6.8 แต่ลดจากร้อยละ 7 ใน 2 ไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทางการจีนสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจทรุดดิ่งอย่างรุนแรง แต่จีดีพีไตรมาส 3 เป็นระดับที่ชะลอตัวและทำสถิติต่ำสุดนับจากไตรมาสแรกของปี 2552 ซึ่งอยู่ในอัตราร้อยละ 6.2 นักวิเคราะห์คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากนี้จนเข้าสู่ปีหน้า
กลุ่มบริษัทท่องเที่ยวของบรูไน เผยว่า ไม่สามารถขายแพ็กเกจท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะจากกลุ่มอาเซียน เพราะมีอัตราแลกเปลี่ยนอ่อนกว่าค่าเงินของบรูไน ทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยจ่ายค่าแพ็กเกจทัวร์ท่องเที่ยวบรูไนเพียง 200 ริงกิต (ประมาณ 1,700 บาท) แต่เวลานี้เพิ่มขึ้นเป็น 300 ริงกิต (ประมาณ 2,550 บาท) แต่พบชาวบรูไนไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น โดยสาเหตุที่ค่าเงินดอลลาร์บรูไนแข็งค่าเพราะการผูกติดอยู่กับค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งเป็นค่าเงินที่แข็งค่าที่สุดในกลุ่มอาเซียน โดยปัจจุบัน 1 ดอลลาร์บรูไน แลกเปลี่ยนอยู่ที่ 2.90 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 25.50 บาท)
ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.37 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.85 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดเมื่อคืนนี้ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 14.57 จุด หรือร้อยละ 0.08 ปิดที่ 17.230.54 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.55 จุด หรือร้อยละ 0.03 ปิดที่ 2,033.66 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 18.78 จุด ร้อยละ 0.38 ปิดที่ 4,905.47 จุด
*-*