เอเอฟพี รายงานอ้างนายทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์จากบริษัทซิตี ฟีเจอร์สว่า ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเมื่อวานนี้ หลังมีข้อมูลว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯลดลงอีกครั้ง บ่งชี้ว่า น้ำมันดิบที่ลดลงจะช่วยลดปริมาณน้ำมันดิบที่ล้นตลาดโลกอยู่ในขณะนี้ได้ในระดับหนึ่ง ระบุว่านักลงทุนบางส่วนเชื่อว่า ราคาน้ำมันดิบอยู่ในจุดต่ำสุดมานานพอสมควรแล้ว พอมีปัจจัยด้านจิตวิทยาเชิงบวกสักนิดหนึ่งก็จะมีผลให้ราคาขยับขึ้นทันที
สำหรับราคาน้ำมันดิบที่ตลาดนิวยอร์ก เมอร์แคนไทล์ เอกซ์เชนจ์ของสหรัฐฯงวดจัดส่งเดือนพฤศจิกายนเพิ่ม 88 เซนต์ อยู่ที่ 47.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือที่ตลาดกรุงลอนดอน อังกฤษงวดจัดส่งเดือนธันวาคม ปิดที่ 50.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่ม 73 เซนต์จากระดับปิดเมื่อวันพฤหัสบดี
ส่วนสัญญาณที่บ่งชี้แนวโน้มที่ดีของตลาดคือรายงานของบริษัท เบเคอร์ ฮิวช์ส เรื่องจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้บ่งชี้ว่า ลดลง 10 แห่งหรือร้อยละ 1.7 ในสัปดาห์นี้ นับเป็นการลดเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่าแนวโน้มการผลิตน้ำมันดิบจะลดลงอย่างต่อเนื่อง
ด้านกระทรวงพลังงานสหรัฐฯระบุเมื่อวานนี้ว่า ปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐฯลดลง 76,000 บาร์เรล อยู่ที่ 9.17 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ ตลาดยังมีการพูดถึงการที่รัสเซียมีแผนจะปรับลดการผลิตน้ำมันดิบเช่นกัน โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานอ้างนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีพลังงานของรัสเซียว่า รัสเซียเตรียมจะหารือเรื่องระดับราคาและปริมาณการผลิตที่เหมาะสม ในช่วงที่เข้าร่วมประชุมกับกลุ่มโอเปกในกรุงเวียนนา ออสเตรียในวันพุธหน้า แต่นายคาร์สเทน ฟริตส์ช นักวิเคราะห์จากคอมเมิร์ซแบงก์ มองว่ามีโอกาสน้อยมากที่การประชุมครั้งนี้จะมีผลสรุปที่ชัดเจน
ทีมข่าวต่างประเทศ
CR:แฟ้มภาพ