*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น. *
+++ความพร้อม'ปั่นเพื่อพ่อ' เร่งปรับผิวถนน นายอัครเดช เจิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เรียกประชุมเตรียมความพร้อมจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม 2558 ภายใต้ชื่อ "กิจกรรมรวมใจให้เป็นหนึ่ง....บอกรักพ่อให้ก้องโลก" เวลา 15.00 น. วันที่ 11 ธันวาคม กำหนดเส้นทางสิริมงคลของจังหวัด ระยะทาง 29 กิโลเมตร จัดกิจกรรมเสริมในรูปแบบของ "บวร" ได้แก่ บ.บ้าน คือ ประชาชน ว.วัด และ ร.โรงเรียน เช่นเดียวกับจังหวัดชัยนาท นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เผยว่า ได้มอบหมายให้คณะทำงานระดมความคิด
+++ส่วนโครงการปั่นจักรยานจตุรทิศ เฉลิม พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของ 76 จังหวัด จังหวัดละ 100 คน มุ่งสู่กรุงเทพฯ (สนามหลวง) โดยแยกออกเป็น 4 ทิศ ดังนี้ ภาคเหนือ 16 จังหวัด 1,600 คัน ใน 5 เส้นทาง จุด รวมพลที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 22 จังหวัด 2,200 คัน ใน 5 เส้นทาง จุดรวมพลที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก 22 จังหวัด 2,200 คัน จุดรวมพลที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ภาคใต้ 15 จังหวัด 1,500 คัน จุดรวมพลที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ในวันที่ 10 ธันวาคม 2558 และในวันที่ 11 ธันวาคม 2558 ขบวนนักปั่นจักรยานจตุรทิศออกจากจุดรวมพลมุ่งสู่สนามหลวงพร้อมกันทั้ง 4 ทิศ เพื่อร่วมกิจกรรม ณ ท้องสนามหลวง และเข้าร่วมขบวนปั่นของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในเวลา 13.00 น. ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ทุกจังหวัดปล่อยตัว นักปั่นที่จุดสตาร์ตพร้อมกันทั่วประเทศ ทั้ง นักปั่นจตุรทิศและปั่นเพื่อพ่อของจังหวัด พร้อมติดธงสัญลักษณ์และธงตราจังหวัดติดจักรยานขบวนปั่นเพื่อแสดงความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
++++นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการเตรียมจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติ BIKE FOR DAD ปั่นเพื่อพ่อ เนื่องในโอกาสมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม 2558 ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศว่า กรมสารนิเทศรับหน้าที่เป็นเลขานุการของกรรมการที่ดูแลการจัดกิจกรรมดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประสานกับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลทั่วโลกในการจัดการจัดกิจกรรมปั่นจักรยานในต่างประเทศจะจัดขึ้นพร้อมกันกับประเทศไทย แต่จะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมของช่วงเวลา สภาพภูมิประเทศ และสภาพอากาศที่แตกต่างกัน เพื่อให้สามารถให้ดำเนินกิจกรรมได้อย่างเรียบร้อย และเดือนพฤศจิกายน กระทรวงการต่างประเทศจะจัดประชุมเอกอัครราชทูตทุกประเทศให้กลับมารับทราบถึงนโยบายและบทบาทด้านเศรษฐกิจที่กระทรวงได้รับมอบหมาย และแจ้งการซักซ้อมการจัดกิจกรรมอีกทางหนึ่ง ส่วนสื่อมวลชนไทยที่จะเดินทางไปทำข่าวการจัดกิจกรรมในต่างประเทศก็สามารถขอรายละเอียดการจัดกิจกรรมจากกรมสารนิเทศได้
++++ส่วนในวันนี้ สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดา สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินโดยรถไฟพระที่นั่งไปยังจ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้ขบวนรถไฟพระที่นั่งพร้อมรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีแล้ว หลังจากตรวจสอบความพร้อมเครื่องยนต์และทดลองวิ่งตามเส้นทาง วันนี้ เวลา 11.30 น. ขบวนรถไฟพระที่นั่งขบวนพิเศษออกจากสถานีจิตรลดาไปยังสถานีรถไฟนครปฐม เพื่อทอดพระเนตรวิถีชุมชน และเสด็จพระราชดำเนินไปสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ ต่อจากนั้น เวลา 13.15 น. เสด็จพระราชดำเนินต่อไปยังสถานีรถไฟชุมทางหนองปลาดุก อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เพื่อทอดพระเนตรวิถีชีวิตชุมชนสองข้างทางบริเวณสถานีประมาณ 10 นาที ก่อนที่ขบวนรถไฟพระที่นั่งจะเดินทางต่อไปยังสถานีสะพานแควใหญ่ และสถานที่สำคัญใน จ.กาญจนบุรี
+++สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงนำคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปทัศนศึกษา จ.กาญจนบุรี ได้แก่ 1.สถานีรถไฟสะพานข้ามแม่น้ำแคว 2.พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย-พม่า 3.สุสานทหารสัมพันธมิตร 4.สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมพระเกียรติ 5.กองถ่ายทำภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (กองพลทหารราบที่ 9) 6.อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ 7.โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา 8.โรงแรมเทวมันตร์ทรา รีสอร์ต แอนด์ สปา ระหว่างวันที่ 16-18 ตุลาคม
+++แนวร่วมปฏิบัติการของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต (CAC) ได้จัดงานประชุมใหญ่ประจำปี โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "บทบาทของภาคเอกชนไทยในการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น" โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า ภูมิใจที่เห็นภาคเอกชน ร่วมกันแก้ปัญหาทุจริต ซึ่งเป็นเรื่องเลวร้าย และน่าละอายที่สุดในประเทศ ความกระตือรือร้นนี้ทำให้เห็นแสงสว่างของความสำเร็จรออยู่เบื้องหน้า ขอยกย่องว่าเป็นผู้กล้าหาญ เพราะเรื่องนี้อันตรายคนที่ทุจริต ไม่ชอบที่มีคนมาขัดขวาง และในบ้านเราคอร์รัปชั่นแพร่หลาย ทั้งในระดับบุคคล บริษัท ข้าราชการ จนไปถึงระดับนโยบายของฝ่ายการเมือง มีทั้งการคอร์รัปชั่นเชิงผลประโยชน์ และเชิงอำนาจของตัวเองและพวกพ้อง จึงต้องพูดให้ชัดเจนว่าการทุจริตคือการปล้นชาติ เราทุกคนก็ถูกปล้นด้วยเช่นกัน จึงถือว่าการทุจริตคือศัตรูหมายเลข 1 ของประเทศ ดังนั้นคนไทยทั้งหลาย จะต้องไม่ยอมรับให้เขาดำเนินการต่อไปได้
+++นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่มีการเรียกเก็บค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ได้ขยายเวลาให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการรับจำนำข้าวออกไปอีก 30 วัน เหมือนที่เคยขยายจนถึงวันที่ 30 ก.ย. และยังสามารถขยายได้อีก เพื่อให้ชัดเจนมากขึ้น ใครที่เคยถูกเชิญมาให้ข้อมูลแล้วยังไม่ได้เข้ามา ก็จะถามไปอีกครั้งว่า จะมาหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้เคยเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาให้ข้อมูลแล้ว แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอส่งข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษร ส่วนคณะกรรมการที่ส่งข้อมูลมาแล้วก็จะส่งให้นายกฯภายในหนึ่งถึงสองวันนี้ ขอย้ำว่าไม่เคยบอกว่า นโยบายจำนำข้าวผิด และไม่เคยบอกว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ ทุจริต แต่ปล่อยให้เกิดการทุจริต ไม่แก้ไข จึงกลายเป็นความผิดของผู้บังคับบัญชา
+++นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ได้ยืดอายุการพิจารณาของคณะกรรม การตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการรับจำนำข้าวออกไปอีก 30 วัน หรือสิ้นสุดในเดือน ต.ค. นี้ จากเดิมต้องสิ้นสุดเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากการสอบพยานยังไม่ครบถ้วน และมีพยานบางรายขอยืดเวลามาให้ปากคำ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนกรณีที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะไม่ลงนามในสำนวน แล้วจะให้นายอภิศักดิ์ในฐานะ รมว.คลังลงนามแทนนั้น นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ตนจะลงนามหรือไม่นั้น ต้องรอผลการสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นสมบูรณ์ก่อน
+++ส่วนความคืบหน้าคดีที่น่าสนใจที่ ป.ป.ช. กำลังดำเนินการอยู่นั้น คือการตรวจสอบกรณีโครงการจำนำ และระบายข้าวแบบจีทูจีรอบสอง กับบริษัทจีน 4 แห่ง โดยมิชอบ มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และ นางปราณี ศิริพันธ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นผู้ถูกกล่าวหา ที่ล่าสุดคณะอนุกรรมการไต่สวนพบข้อพิรุธ เนื่องจากบริษัทจีน 4 แห่งที่เข้ามาซื้อข้าวนั้น ไม่ใช่ตัวแทนจากรัฐบาลจีนจริง แต่เป็นการแอบอ้างคล้ายกรณีระบายข้าวแบบจีทูจีที่ ป.ป.ช. เคยชี้มูลความผิดไปแล้ว โดยอนุกรรมการได้ขอเอกสารจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)
+++ในส่วนของการทำสัญญาซื้อขายข้าวของกรมการค้าต่างประเทศซึ่ง ป.ป.ช.ได้รับมาและมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อตรวจสอบความถูกต้องในการอนุมัติการเจรจา สัญญาซื้อขายข้าวดังกล่าว พบเอกสารที่เกี่ยวกับการชำระหนี้ซึ่งไม่ได้มีการขายข้าวออกไปต่างประเทศจริงแต่กลับซื้อขายข้าวภายในประเทศไทย โดยจ่ายเป็นแคชเชียร์เช็ค 1,822 ใบ วงเงินกว่า 96,390 ล้านบาท ทำให้ต้องดำเนินการสอบพยานบุคคลผู้แทนปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้เชี่ยวชาญทั้งในอดีตและปัจจุบัน
+++นายประสาท พงษ์ศิวาภัย ปปช.กล่าวว่า ที่น่าสังเกตคือกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานมาว่ามีเงินชำระค่าข้าวในกรณีนี้อยู่ประมาณ 1,500 ล้านบาท จะต้องทำอย่างไรกับเงินในส่วนนี้ เพราะมีการร้องขอมาว่าให้คืนเงินกับบริษัทเอกชนไป หรือไม่ก็ต้องขายข้าวเขาไป ตรงนี้ถือเป็นการบ้านข้อใหญ่ที่กำลังตรวจสอบว่าแคชเชียร์เช็คกับเงินจำนวน 1,500 ล้านบาท เกี่ยวข้องหรือไม่กับบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง นี่คือที่สืบข้อมูลมาได้ระดับหนึ่ง ถ้าพบว่าเกี่ยวข้องจะได้ทำการยึดหรืออายัดแคชเชียร์เช็คดังกล่าวต่อไป
++++เหตุสังหารนายคาซุโอะ โยชิโอกะ อายุ 84 ปี อดีตนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น หลังตำรวจจับกุมนายสำพันธ์ แจ่มแจ้ง น้องเขยของนางภรณี นภาดล ภรรยาของนายคาซุโอะ นายสำพันธ์รับสารภาพว่าคนใกล้ชิดกับผู้ตายเป็นคนจ้างให้ลงมือฆ่าโดยไปวางแผนที่ จ.สิงห์บุรี จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า นายสำพันธ์ เคยก่อเหตุฆ่าปาดคอคนแก่เพื่อชิงทรัพย์มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2556 ในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี ซึ่งหลังจากก่อเหตุได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ จ.อ่างทอง ซึ่งอยู่ระหว่างการตามจับกุมตัว และอดีตนายสำพันธ์เคยทำงานเป็นคนงานฆ่าสัตว์ในโรงฆ่าสัตว์มาก่อน ซึ่งพฤติกรรมการก่อเหตุในการฆ่าปาดคอที่ผ่านมา จะเลียนแบบการฆ่าสัตว์ในโรงงานฆ่าสัตว์ โดยจะใช้อาวุธแทงตามลำตัวก่อนที่จะใช้มีดปาดคอทีหลัง โดยในวันนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จะนำตัวนาย สำพันธ์และผู้ร่วมก่อเหตุไปแถลงข่าวที่ตำรวจภูธรภาค 1 ในเบื้องต้นทราบว่านายสำพันธ์ได้รับค่าจ้างในราคา 4 หมื่นบาท และได้ไปก่อน 2 หมื่นบาท กำลังย้อนกลับมารับค่าจ้างอีก 2 หมื่นบาท
+++ล่าสุดพล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.ภ.จว.อ่างทอง ได้เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดี และหลังจากสอบปากคำนายสำพันธ์และผู้เกี่ยวข้อง ก็ยื่นหนังสือขออนุมัติหมายจับนางภรณี ภรรยาของอดีตนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ในข้อหาจ้างวานฆ่า โดยมีสาเหตุจากเรื่องชู้สาว เนื่องจากฝ่ายหญิงมีชายอื่นมาติดพันผ่านทาง เฟซบุ๊ก จนถึงขั้นขอแต่งงาน ทำให้ฝ่ายหญิงเลือกการจ้างฆ่าสามีเก่า เพื่อสะสางปัญหาส่วนตัว พร้อมกับให้น้องเขยลงมือเพือหวังทรัพย์สินของผู้ตายในตู้เซฟ โดยศาลอนุมัติหมายจับเรียบร้อยแล้ว