*รมว.คลังปรับภาษีสรรพสามิตรถยนต์ เริ่มปีหน้า ลดมลพิษ ลดภาษี*

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  กล่าวว่า กระทรวงการคลังยังไม่พิจารณาปลดล็อคโครงการภาษีรถยนต์คันแรก ตามข้อเสนอของภาคเอกชนในการครอบครองรถยนต์จาก 5 ปี เหลือ 3 ปี เพราะเรื่องจบไปแล้ว แต่ยังจะเดินหน้าปรับโครงการภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตามที่ ครม.ในปี 2555 เห็นชอบไปแล้ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับภาคเอกชน และมองว่าเป็นเรื่องที่ดีในการจัดเก็บภาษีบนพื้นฐานการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แทนการจัดเก็บภาษีตามขนาดของเครื่องยนต์ ช่วยลดมลพิษในประเทศ  

หากผู้ประกอบการต้องการให้ผู้ซื้อได้รถในอัตราภาษีเก่าก็ควรเร่งผลิตหรือนำเข้าเสียภาษีให้ทันภายในปีนี้ เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าได้ทันก่อน 1 มกราคม 2559 และอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ก็ไม่ได้ทำให้ภาระภาษีเพิ่มขึ้นมาก มีเพียงรถกระบะ รถดับเบิลแค็บ ที่มีภาระภาษีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่รถยนต์ประเภทอื่นแทบไม่ได้รับผลกระทบเลย โดยเฉพาะรถอีโคคาร์ซึ่งยังเสียภาษีลดลงอีกหากปล่อย CO2 ในระดับต่ำ

สำหรับโครงสร้างภาษีใหม่ขนาดเครื่องยนต์  1,200 ซีซี เสียภาษีลดลงเหลือร้อยละ 14 จากปัจจุบันร้อยละ 17 ทำให้ราคารถยนต์ลดลง 50,000บาท , ส่วนภาษีรถยนต์ขนาด 1,500 ซีซี  อัตราภาษีปัจจุบันร้อยละ 25 เพิ่มเป็นร้อยละ 35 ทำให้ราคารถเพิ่มขึ้นประมาณ 85,000 บาท ส่วนรถยนต์ขนาด  1,800 ซีซี  ปัจจุบันภาษีร้อยละ 25 เพิ่มเป็น 35 ทำให้ราคารถยนต์เพิ่มขึ้น 95,000 บาท ส่วนรถยนต์ขนาด 2,000 ซีซี ปัจจุบันอัตราภาษีร้อยละ  25 เพิ่มเป็น 35 หรือราคารถยนต์เพิ่มขึ้น 1.1 แสนบาท  ส่วนขนาดรถยนต์  2,000 ซีซี ขึ้นไป เดิมภาษีร้อยละ 30 เพิ่มเป็น 40 จึงทำให้ราคาเพิ่มขึ้น 1.6 แสนบาทขึ้นไป

สำหรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ มีดังนี้  1. รถยนต์นั่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ( CO2)  ต่ำกว่า 150 กรัม/กม. เสียภาษีร้อยละ 30 รถยนต์นั่งที่ ปล่อย CO2 150-200 กรัม/กม. เสียภาษีร้อยละ 35 และรถยนต์นั่งที่ปล่อย CO2 เกิน 200 กรัม/กม. เสียภาษี ร้อยละ40

รถปิกอัพที่ปล่อย CO2 ไม่เกิน 200 กรัม/กม. เสียภาษีร้อยละ 3 เท่าเดิม แต่หากปล่อยเกินก็เสียภาษีร้อยละ 5

รถอเนกประสงค์แบบพีพีวี ปัจจุบันเสียภาษีร้อยละ 20 อัตราใหม่หากปล่อย CO2 ไม่เกิน 200 กรัม/กม. เสียภาษีร้อยละ 25 แต่ถ้าเกินจะเสียในอัตราร้อยละ 30