หลังจากตั้งสำนักงานคดีค้ามนุษย์ ขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม เรือโทสมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า สำนักงานคดีค้ามนุษย์ ของสำนักงานอัยการสูงสุด จะพิจารณาคดดีแรกคือคดีการค้ามนุษย์โรฮิงญา ในพื้นที่ภาคใต้ หลังจากศาลจังหวัดนาทวี มีคำสั่งให้โอนสำนวนมาพิจารณาที่ศาลอาญาแผนกคดีค้ามนุษย์ ซึ่งมีผู้ต้องหามากถึง 74 คน และจะมีการพิจารณาตรวจพยานหลักฐาน และนัดพร้อมคู่ความในวันที่ 10 - 13 พ.ย.นี้
สำหรับกระบวนการพิจารณาคดีจะรวดเร็ว อย่างที่คาดหวังไว้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคู่ความทั้ง 2 ฝ่าย ที่จะให้ความร่วมมือในการพิจารณาคดี แต่ในส่วนอัยการยืนยัน ว่าจะทำคดีอย่างเต็มที่ และจะช่วยให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างรวดเร็ว โปร่งใส และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยจะมีอัยการผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำหน้าที่ รวมถึงในอนาคตจะมีการทำงานในรูปแบบ คณะทำงานที่ประกอบไปด้วยบุคลากรที่คุ้นเคยและมีความชำนาญในการพิจารณาคดีค้ามนุษย์ เพราะคดีค้ามนุษย์ถือว่ามีลักษณะพิเศษกว่าคดีอาญาทั่วไป เนื่องจากมีความสลับซับซ้อน มีการกระทำผิดกันเป็นขบวนการ มีสถานที่เกิดเหตุหลายแห่ง และอาจรวมถึงในพื้นที่ต่างประเทศ
นอกจากการดำเนินคดี สำนักงานคดีการค้ามนุษย์ ยังให้ความสำคัญด้านสิทธิมนุษยชน และการช่วยเหลือบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อคดีค้ามนุษย์ด้วย กระบวนการจะเกิดขึ้นหลังจากมีการฟ้องร้องคดีต่อศาลแล้ว ซึ่งอัยการจะมีการเรียกร้องสินไหมทดแทนให้กับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อตามพระราชบัญญัติค้ามนุษย์ ปี2551
นายพีรยุทธ์ ประดิษฐ์กุล อธิบดีอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า การจัดตั้งสำนักคดีค้ามนุษย์ จะทำให้นานาประเทศมองเห็นถึงความจริงจังและจริงใจในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ทั้งระบบ คาดหวังถึงการพิจารณาสถานการณ์ค้ามนุษย์ในปีหน้า ที่จะปรับเลื่อนระดับประเทศไทยขึ้นมาจากเทียร์3 เนื่องจากการทำงานประสานกับหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์(ปคม.)กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ตัวแทนทูตจากสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย
ผู้สื่อข่าว:พนิตา สืบสมุทร