*รอบโลก:เตือนความรุนแรงในอิสราเอล/อิหร่าน ส่งทหารร่วมรบกับซีเรีย/เหตุเหยียบกันตายที่ซาอุฯเพิ่มขึ้น*

15 ตุลาคม 2558, 05:42น.


+++ติดตามสถานการณ์ในอิสราเอล หลังจากที่เมื่อวันอังคาร เกิดเหตุชายชาวปาเลสไตน์ 2 คน ทำร้ายร่างกายผู้โดยสารราว 15 คน บนรถประจำทางคันหนึ่งในกรุงเยรูซาเลม ผู้ก่อเหตุรายหนึ่งใช้มีด ส่วนอีกรายใช้อาวุธปืนสั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ศพเป็นชาวอิสราเอล และมีผู้บาดเจ็บอีกราว 10 คน ขณะที่คนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต 1 ศพ และบาดเจ็บ 1 คน



+++ในเวลาไล่เลี่ยกัน คนร้ายชาวปาเลสไตน์คนหนึ่ง ขับรถพุ่งขึ้นไปบนทางเดินเท้าและไล่ชนผู้คนบริเวณป้ายรถประจำทาง ในย่านชุมชนชาวยิวออร์โธด็อกซ์ ก่อนจะลงจากรถและใช้อาวุธมีดไล่ฟันซ้ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ศพและบาดเจ็บ 8 คน ส่วนคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีเหตุคนร้ายใช้มีดสุ่มแทงเหยื่อในเมืองรานานา ทางตอนเหนือของเมืองเทล อาวีฟ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ก่อนคนร้ายจะถูกรุมประชาทัณฑ์จนได้รับบาดเจ็บ



+++ตำรวจ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาจากย่านชุมชนในเยรูซาเลมตะวันออก



+++คณะมนตรีความมั่นคงของอิสราเอล ออกแถลงการณ์ประกาศมาตรการด้านความปลอดภัย หลังนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวก่อนหน้านี้ว่า จะทำทุกวิถีทางเพื่อยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยมาตรการที่ออกมาครอบคลุมถึงการปิดพื้นที่และประกาศเคอร์ฟิวในย่านที่อยู่อาศัยในหลายพื้นที่ของกรุงเยรูซาเลมซึ่งถือเป็นพื้นที่เสี่ยง เพิกถอนสิทธิในการอยู่อาศัยถาวรของของผู้ก่อการร้าย ริบทรัพย์ของผู้ที่ให้การสนุบสนุนการโจมตีที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในส่วนของการขนส่งสาธารณะด้วย



+++กองทัพอิสราเอล ส่งกำลังทหารหลายร้อยนายไปประจำการตามเมืองต่าง ๆ ในวันนี้ เพื่อช่วยเหลือตำรวจรับมือการก่อเหตุโจมตีจากปาเลสไตน์



+++สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ อิสราเอล ประกาศคำเตือนประชาชนชาวไทยที่พักอาศัยอยู่ในอิสราเอลให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางไปยังที่ที่เป็นแหล่งชุมชน และการเดินทางเพื่อไปประกอบกิจต่างๆ โดยหากไม่จำเป็นขอให้หลีกเลี่ยงไว้ก่อน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยในนครเยรูซาเล็มหรือเมืองใกล้เคียง เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้มีความเปราะบาง และมีความเป็นไปได้ว่า จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แม้ว่าชาวต่างชาติจะไม่ใช่เป้าหมายของการลอบทำร้าย แต่ก็อาจจะถูกลูกหลงหรือพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย



+++ไปที่ซีเรีย อิหร่านส่งทหารหลายพันนายเข้าสู่ภาคเหนือและภาคกลางของซีเรีย ซึ่งนับเป็นการส่งทหารเข้าร่วมสงครามกลางเมืองซีเรียเป็นครั้งแรก โดยจะร่วมมือกับทหารกองทัพซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด และกลุ่มติดอาวุธเฮซบอลลาห์ ที่อิหร่านให้การสนับสนุนและมีฐานอยู่ในเลบานอน บุกโจมตีพื้นราบ เพื่อยึดเมืองอาเลปโป เมืองใหญ่สุดทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียคืนจากฝ่ายกบฏ โดยจะได้การสนับสนุนจากการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย และแผนต่อไปคือการยึดคืนจังหวัดฮามา



+++การเข้าไปของทหารอิหร่าน ค่อนข้างแน่นอนว่า จะช่วยเติมเชื้อไฟสงครามกลางเมืองในซีเรีย ที่เริ่มปะทุมาตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. 2554 และจนถึงขณะนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 250,000 ศพ ประชาชนราวครึ่งหนึ่งของประเทศต้องอพยพหนีภัยการสู้รบ นอกจากนั้นยังแสดงให้เห็นถึงเป้าหมายที่กว้างขวางของรัสเซีย ในการเข้าไปยุ่งเกี่ยวทางทหารในซีเรีย



+++ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย กล่าวว่า การที่รัสเซียเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในซีเรียเพื่อช่วยปกป้องโลกให้ปลอดภัย รัสเซียไม่ได้มุ่งจะเป็นผู้นำในการแก้ไขวิกฤติของซีเรีย  ซีเรียสามารถจะมีผู้นำได้เพียงคนเดียวเท่านั้นคือชาวซีเรียเอง ผู้นำรัสเซีย กล่าวอีกว่ารัสเซียเพียงแต่ต้องการจะมีส่วนร่วมในการปราบปรามกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ รัสเซีย ทั้งประเทศในแถบยุโรปและทั่วโลก



+++ผู้สันทัดกรณีบางคนรวมถึงวุฒิสมาชิกจอห์น แม็คเคนและนายแบรด สแตปเลตัน นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยคาโตของสหรัฐฯ กล่าวถึงสถานการณ์ในซีเรียในปัจจุบันนี้ว่า เป็นสงครามตัวแทนระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซีย ระบุว่า แม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธจากสหรัฐฯ แต่ฝ่ายกบฏก็คงจะไม่สามารถเอาชนะกองกำลังรัฐบาลซีเรียได้ เช่นเดียวกับยุคสงครามเย็นคือ อาวุธยุทโธปกรณ์จากทั้งสหรัฐฯและรัสเซียยิ่งแต่จะช่วยกระพือความขัดแย้งในซีเรียให้หนักยิ่งขึ้น จะมีผู้คนล้มตายอีกจำนวนมากและอาคารทรัพย์สินเสียหายหนักยิ่งขึ้น 



+++ขณะที่ โฆษกหญิงของกระทรวงต่างประเทศจีน  ตอบข้อซักถามที่ว่า จีนจะส่งกองกำลังไปยังซีเรียหรือไม่ ว่า เท่าที่ทราบ จีนไม่มีแผนที่จะส่งกองกำลังไปยังซีเรีย และขณะนี้เรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิงกำลังอยู่ระหว่างการฝึกซ้อมทางด้านเทคนิคและกำลังถูกใช้ในการซ้อมรบ



+++จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เบียดเสียดและเหยียบกันเสียชีวิต ระหว่างพิธีฮัจญ์ประจำปี 2558 ที่เมืองมินา ชานเมืองใหญ่เมกกะ ของซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 24 ก.ย. เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 1,633 ศพ จากการนับของสำนักข่าวเอเอฟพี โดยรวบรวมตัวเลขจากรัฐบาลของประเทศต่างๆ ที่มีนักแสวงบุญเดินทางไปร่วมพิธี ทำให้กลายเป็นเหตุโศกนาฏกรรรมครั้งร้ายแรงที่สุด ในประวัติศาสตร์ของพิธีฮัจญ์ เท่าที่เคยมีมา ทางการซาอุดีอาระเบียยังไม่ประกาศปรับตัวเลขผู้เคราะห์ร้ายอย่างเป็นทางการ จากที่แถลงเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 769 ศพ และบาดเจ็บ 934 คน รวมทั้งยังไม่แยกสัญชาติ ว่ามีนักแสวงบุญจากประเทศใดจำนวนเท่าใดบ้าง ยังมีผู้สูญหายในเหตุการณ์อีกหลายร้อยคน



+++จากการนับของสำนักข่าวเอเอฟพี จนถึงวันพุธ (14 ต.ค.)  อิหร่าน 464 ศพ อียิปต์ 177 ศพ ไนจีเรีย 145 ศพ อินโดนีเซีย 127 ศพ อินเดีย 101 ศพ ปากีสถาน 87 ศพ บังกลาเทศ 79 ศพ มาลี 30 ศพ เซเนกัล 54 ศพ ชาด 52 ศพ เบนิน 34 ศพ โมร็อกโก 33 ศพ เอธิโอเปีย 31 ศพ ซูดาน 30 ศพ แอลจีเรีย 28 ศพ ไนเจอร์ 28 ศพ บูร์กินาฟาโซ 22 ศพ แคเมอรูน 20 ศพ ไอวอรีโคสต์ 14 ศพ ลิเบีย 10 ศพ โซมาเลีย 8 ศพ เคนยา 6 ศพ กานา 5 ศพ มอริเชียส 5 ศพ แทนซาเนีย 4 ศพ ตูนิเซีย 4 ศพ บุรุนดี 1 ศพ อิรัก 1 ศพ จอร์แดน 1 ศพ เนเธอร์แลนด์ 1 ศพ และโอมาน 1 ศพ

+++สถานการณ์ที่ตุรกี หลังจากเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในกรุงอังการา 2 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 97 ศพ กระทรวงมหาดไทยตุรกีสั่งปลดนายตำรวจระดับสูงของกรุงอังการาและเจ้าหน้าที่อีก 2 คน ขณะที่ประธานาธิบดีเรเจพ ทายยิพ แอร์โดอาน ยอมรับเรื่องความบกพร่องด้านการรักษาความปลอดภัย



เจ้าหน้าที่กระทรวงข่าวสารตุรกี กล่าวว่า มีบุคคล 2 คนที่มีรายงานว่าเกี่ยวข้องกับพรรคแรงงานเคอร์ดิสถานหรือพีเคเคถูกควบคุมตัวแล้ว ฐานต้องสงสัยว่ารู้เห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์



+++รัฐบาลฟิลิปปินส์ อยู่ระหว่างตรวจสอบคลิปวีดีโอที่มีการเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตว่าเป็นของจริงหรือไม่ คลิปดังกล่าวแสดงภาพนักท่องเที่ยวชายชาวแคนาดา 2 คน ชาวนอร์เวย์ 1 คน และสตรีฟิลิปปินส์อีก 1 คน ที่ถูกลักพาตัวไปจากสถานตากอากาศโอเชียนวิว มารินา บนเกาะซามัล ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์เมื่อเดือนก่อน คลิปชุดนั้น ตัวประกันคนหนึ่งคือ นายจอห์น ริดส์เดล(ชาวแคนาดา) เรียกร้องให้รัฐบาลแคนาดาและฟิลิปปินส์ยุติการใช้ปฏิบัติการทางทหารเช่น ทั้ง 4 คนถูกแวดล้อมด้วยมือปืนกลุ่มหนึ่ง สวมหมวกไหมพรม พร้อมมีธงสีขาวดำคล้ายธงของกลุ่มรัฐอิสลามอยู่หลังฉาก กลุ่มติดอาวุธไม่ได้ระบุชัดเจนว่าพวกเขาเป็นกลุ่มใด แต่เป็นที่ทราบกันว่า กลุ่มอาบูไซยาฟ มีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ดังกล่าว



+++สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า สั่งลงโทษ ลินไดล์ คีกา อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสมาคมฟุตบอลแอฟริกาใต้ ไม่ให้เกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลเป็นเวลา 6 ปี จากกรณีที่เขาไปพัวพันกับกลุ่มเจ้ามือพนันในเอเชีย เกี่ยวกับกรณีอื้อฉาวเรื่องการล้มบอลก่อนที่แอฟริกาใต้จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2010 คีกา เป็นอดีตผู้อำนวยการของฟุตบอลทีมชาติในสมาคมฟุตบอลแอฟริกาใต้และเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ 5 คน ที่ฟีฟ่าระบุชื่อไว้ในรายงานเรื่องการล้มบอล



 CR:แฟ้มภาพ BBC, Reuters

ข่าวทั้งหมด

X