ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีจ้างวานฆ่านายเจริญ วัดอักษรแกนนำคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบ่อนอก ตามที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ฟ้องนายเสน่ห์ เหล็กล้วน , นายประจวบ หินแก้ว , นายธนู หินแก้ว, นายมาโนช หินแก้ว และนายเจือ หินแก้ว ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันจ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันจ้างวานฆ่าผู้อื่น และความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยในระหว่างต้นปี 2547 - 21 มิถุนายน 2547 นายธนู นายมาโนช และ นายเจือ จ้างวานให้นายเสน่ห์ และนายประจวบ ฆ่านายเจริญ วัดอักษรแกนกลุ่มคัดค้านการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าบ่อนอกและประธานกลุ่มอนุรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วยการใช้อาวุธ ที่ อ.เมือง จากนั้นในวันที่ 30 ธันวาคม 2551 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต นายธนู ฐานจ้างวาน และให้ยกฟ้องนายมาโนชกับนายเจือเพราะพยานหลักฐานนำสืบไม่ชัดเจน จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอ จากนั้นในชั้น ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนยกฟ้อง นายมาโนช และนายเจือ และพิพากษากลับให้ยกฟ้องนายธนู จำเลยที่ 3 ด้วย เพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอเช่นกัน ระหว่างฎีกาจำเลยที่ 3-5 ได้รับการปล่อยตัว ส่วนนายเสน่ห์ และนายประจวบ ที่ถูกคุมขังในเรือนจำเสียชีวิตเมื่อเดือนสิงหาคม 2549 ต่อมาอัยการโจทก์ยื่นฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3-5
แต่ในการนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 10 กันยายนมีเพียง นายมาโนช จำเลยที่ 4 ที่เดินทางมาศาลส่วนนายเจือ จำเลยที่ 5 ส่งทนายร้องขอศาลเลื่อนฟังคำพิพากษาโดยอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องนอนรักษาตัวอยู่ในรพ. โดยมีใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐาน ขณะที่นายธนู จำเลยที่ 3 ไม่ศาล ศาลจึงศาลสั่งออกหมายจับให้มาฟังคำพิพากษา และให้เลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกามาเป็นวันนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลา นายธนูยังไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษาอีก ศาลจึงเห็นควรอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาตามกระบวนการ โดยศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า นายเสน่ห์กับนายประจวบที่เป็นจำเลยที่ 1 -2 ซึ่งเป็นพยานบอกเล่าซัดทอดมาถึงนายธนู นายมาโนช และ นายเจือจำเลยที่ 3-5 แต่ให้การขัดแย้งกันเองทั้งไม่สามารถยืนยันชัดเจนว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไร และจำเลยกับผู้ตายก็ไม่เคยมีความขัดแย้งกันมาก่อนประกอบกับจำเลยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด พยานหลักโจทก์ไม่มีน้ำหนักที่มั่นคง จึงพิพากษายืน ยกฟ้อง 3-5 และ ให้ถอดหมายจับจำเลยที่ 3
...