เมืองไทยฯ(1) : นายกฯขอความร่วมมือกรธ.และสปท.ทำงานเต็มที่/สปท.เลือกประธาน/อดีตนายกฯส่งทนายยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งสารถึงประชาชนฉบับที่ 2 โดยยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมรับข้อมูลและความคิดเห็นที่แตกต่าง เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งใช้อำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบมาจากประชาชนอย่างถูกต้องเป็นธรรม และเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง

ส่วนเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ ก็ขอให้คำนึงถึงความร่วมมือในการปัญหาเพื่อให้เกิดประโยชน์ที่สุด และขอให้ทุกคนให้เกียรติและเปิดโอกาสให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ทำงานกันอย่างเต็มที่ เพราะหลังจากเดือนกรกฎาคม 2560 จะมีการเลือกตั้ง

ส่วนการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) นัดแรกวันนี้ มีวาระสำคัญ คือ การเลือกตำแหน่งประธานและรองประธาน สปท. ต้องติดตามว่าจะมีการเสนอรายชื่อแข่งกับ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ สปท. วัย 81 ปี หรือไม่ ส่วนตำแหน่งรองประธาน สปท. คาดว่าจะเป็น พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ และนางวลัยลักษณ์ ศรีอรุณ อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ

ประเพณีปฏิบัติของการประชุมนัดแรก จะให้สมาชิกที่มีความอาวุโสสูงสุดคือ นายชัย ชิดชอบ อดีตประธานรัฐสภา อายุ 87 ปี ทำหน้าที่ประธานการประชุมชั่วคราว และนำสมาชิกปฏิญาณตนต่อการทำหน้าที่ จากนั้นจะเลือกประธานและรองประธาน สปท. เปิดโอกาสให้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม พร้อมลงคะแนนลับเขียนชื่อใส่กระดาษว่าจะเลือกบุคคลใดนำไปใส่ในกล่องนับคะแนน ผู้ที่ได้รับเลือกนั้นจะต้องได้รับเสียงข้างมากของสมาชิกเท่าที่มีอยู่ในที่ประชุม

ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า ส่วนตัวอยากให้รัฐธรรมนูญสั้นกะทัดรัด และไม่มีการแบ่งเป็น 4 หมวด โดยในบางส่วนเมื่อมีหลักแล้วต้องไปออกกฎเกณฑ์กฎหมายประกอบตามมาเพื่อไม่ให้หลักเลื่อนลอย ทั้งนี้ยอมรับว่า ก่อนเริ่มต้นการประชุมมีความเป็นห่วงเรื่องที่แต่ละคนไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่ก็มีการแสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์มาก มีประเด็นที่แตกต่างแต่ก็ไม่ถึงกับขัดแย้งกัน ซึ่งก็ต้องขอบคุณ กรธ.ทุกคน

สำหรับผลการประชุม การพิจารณากรอบร่างรัฐธรรมนูญตามความมุ่งหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการสร้างกลไกที่มีประสิทธิภาพในการปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง ซึ่งจะมีการนำข้อเสนอของ สปท. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มาปรับใช้ ให้นักการเมืองมีหน้าที่ทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อให้เกิดการยอมรับ พร้อมทั้งควรวางหลักการให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชน

ทั้งนี้นายมีชัย ได้เชิญนายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ไปหารือในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะเกี่ยวกับการทำงานขององค์กร แต่ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินยืนยันว่าไม่ขอควบรวมกับองค์กรอื่น ให้คงอำนาจเดิมตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ไว้

ส่วนการประชุมของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันนี้ นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวว่า จะเสนอประเด็นที่ได้จากการสัมมนาร่วมระหว่าง กกต.กับศาลยุติธรรมให้ที่ประชุม กกต.พิจารณา และจะนำเสนอ กรธ.ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ต่อไป

ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรี ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเสนอมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้ที่ประชุมพิจารณา โดยจะมีการลดค่าจดจำนองและค่าโอน ซึ่งมีความต้องการให้มาตรการมีผลโดยเร็ว เนื่องจากช่วงนี้ผู้บริโภคชะลอการโอนอสังหาริมทรัพย์เพื่อรอมาตรการกระตุ้นที่จะออกมา

เมื่อวานนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมกรณีการฟ้องร้องคดีแพ่งจากการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าว  และในวันนี้ ทนายความของนางสาวยิ่งลักษณ์ จะไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นไปตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2539 ซึ่งได้บัญญัติไว้ว่า หากเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกกล่าวหาว่ากระทำละเมิด และการกระทำนั้นเป็นการประมาทเลินเล่อร้ายแรง ต้องฟ้องเจ้าตัว ไม่ให้ฟ้องรัฐ โดยการดำเนินการออกคำสั่งทางปกครองภายใน 2 ปี หากไม่พอใจสามารถยื่นฟ้องศาลปกครองให้ยกเลิกคำสั่งได้ และเป็นกระบวนการปกติที่ใช้มากว่า 20 ปี

สำหรับการเรียกร้องค่าเสียหายที่คณะกรรมการตรวจสอบการละเมิดสรุปเบื้องต้นโครงการจำนำข้าว ต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ มีวงเงินค่าเสียหายทั้งสิ้น 2 แสนล้านบาท โดยคิดจากความเสียหายราคาตลาดในขณะนั้นกับราคารับจำนำที่สูงเกินจริง ก่อให้เกิดความเสียหาย

ขณะที่ความเสียหายจากโครงการจีทูจีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์กับพวกนั้น มีวงเงินค่าเสียหาย 1 หมื่น 7 พันล้านบาท

*-*