*นักวิเคราะห์ชี้ราคาน้ำมันดิบโลกจะปรับขึ้น หลังตัวเลขขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลง*

รอยเตอร์รายงานนายทามัส วาร์กา นักวิเคราะห์ตลาดจากพีวีเอ็ม ออย แอสโซซิเอท บริษัทนายหน้าในกรุงลอนดอน อังกฤษ ว่าราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นในวันนี้หลังนายอาลี อัล-โอมาอีร์ รัฐมนตรีน้ำมันคูเวต ระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจและการล้มเลิกกิจการของบรรดาผู้ประกอบการที่ต้องใช้ต้นทุนการผลิตสูงจะช่วยปรับดุลภาพเชื้อเพลิงทั่วโลกมากยิ่งขึ้น ระบุว่าการแสดงความเห็นเชิงบวกจากสมาชิกโอเปกส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับขึ้น เพิ่มเติมว่า ตัวเลขแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯลดลงเฉลี่ย 20 แท่นต่อสัปดาห์ เนื่องจากผู้ผลิตน้ำมันต้องการจะควบคุมต้นทุน เป็นข้อมูลสนับสนุนว่า ราคาน้ำมันจะเป็นไปในทิศทางดังกล่าว รัฐมนตรีน้ำมันคูเวตกล่าวว่ากลุ่มโอเปกจะยังคงให้ความสำคัญกับนโยบายด้านผลผลิตต่อไป จะมุ่งเน้นเรื่องการสร้างส่วนแบ่งตลาด แข่งขันกับผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกที่ใช้ต้องใช้ต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า

ด้านเบเกอร์ ฮิวส์ อิงค์ บริษัทผู้ให้บริการด้านพลังงานระบุว่าตัวเลขแท่นจุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน ผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐฯได้ลดจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน 70 แท่นในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดกรุงลอนดอน งวดส่งมอบวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ขึ้น 50 เซนต์ต่อบาร์เรล ไปอยู่ที่ 53.15 ดอลลาร์เมื่อเวลา 08.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯงวดเดียวกันขึ้น 45 เซนต์ไปที่ 50.08 ดอลลาร์ ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี ลงมาที่ 42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อเดือนสิงหาคม จากระดับสูงสุดคือ 115 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน

ด้านโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่าตัวเลขแท่นขุดเจาะในขณะนี้บ่งชี้ว่าการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯจะลดราว 255,000 บาร์เรลต่อวัน ระหว่างไตรมาส 2-4 ของปีนี้ แต่ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่างบาร์เคลย์ มองว่า ขณะนี้ความเสี่ยงที่ราคาจะลดลงอีกเริ่มน้อยลง ขณะที่การปรับโครงสร้างด้านอุปทานน้ำมันดิบเริ่มเร่งตัวเร็วมากขึ้น แต่คาดว่าตลาดจะยังคงอ่อนแอต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบจะยังอยู่ในจุดต่ำสุดต่อสักพักหนึ่ง นอกจากนี้บริษัทฯได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์และสหรัฐฯในปีนี้ว่าจะอยู่ที่ 54.50 ดอลลาร์และ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากเดิมคือ 57.50 ดอลลาร์และ 51.60 ดอลลาร์ตามลำดับ/18.10 น.