สรุปข่าว 19.35น.
+++ความคืบหน้ากรณีกลุ่มชาวบ้านพื้นที่ อ.ถลาง รวมตัวประท้วงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สถานีตำรวจภูธรถลางจนทำให้เกิดความเสียหายกับอาคารที่ทำการ เผารถยนต์และทรัพย์สินทางราชการเสียหายอีกจำนวนมาก เหตุเกิดเมื่อค่ำวันที่ 10ต.ค. พ.ต.อ.ชาณุชาญ ชลสุวัฒน์ ผกก.สภ.ถลางกล่าวว่าหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นเมื่อวานนี้ (11.ต.ค.) ได้มีการสำรวจความเสียหายของทรัพย์สินทั้งหมดและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว ในส่วนของประชาชนทั่วไปที่จะเข้าใช้บริการนั้นยังสามารถติดต่อราชการได้ปกติ โดยมีการเปิดทำการที่ชั้น 2 ของ สภ.ถลาง พ.ต.อ.วีรวัฒน์ จันทรวิจิตร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งกล้องวงจรปิด พยานแวดล้อม พยานบุคคลให้ชัดเจนเพื่อรวบรวมข้อมูลในการเอาผิดแก่ผู้ที่ทำลายทรัพย์สินทางราชการคาดว่าไม่เกิน 7วันน่าจะมีข้อมูลที่จะออกหมายจับผู้ต้องหาได้ ซึ่งเบื้องต้นจะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ วางเพลิง พ.ร.บ.ชุมนุมที่สาธารณะ ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน นอกจากนั้น ยังมีการนำเจ้าหน้าที่ชุดปราบจลาจล 16 นาย ทยอยเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ด้วย
+++ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต มีคำสั่งให้มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจออกเป็น 4 ชุดใหญ่ เพื่อดำเนินการสอบสวนและรับคดีต่างๆ ประกอบด้วย 1. ชุดสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกทำร้ายร่างกาย 2. ชุดสอบสวนการเผาทำลายทรัพย์สิน 3. ชุดสอบสวนยาเสพติด และ 4. ชุดสอบสวนการเผาทำลายอาคาร สภ.ถลาง เพื่อรวบรวมสำนวนทั้งหมด รายงาน ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ทราบ และส่งต่อให้กับพนักงานอัยการตรวจสอบ ก่อนส่งฟ้องดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
++++ควาน ฮอก จุน ซึ่งทำงานให้กับสำนักข่าวอินนิเทียม (Initium) ที่มีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกงถูกจับกุมเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม หลังจากพยายามเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิพร้อมกับเสื้อเกราะกันกระสุนและหมวกนิรภัยในกระเป๋าเดินทางของเขา โดยเมื่อวานนี้ ได้เดินทางขึ้นให้การที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ปฎิเสธทุกข้อหา และไม่คิดว่าเสื้อเกราะกันกระสุนเป็นอาวุธและผิดกฎหมาย เบื้องต้นศาลให้ประกันตัวออกไป และการพิจารณาคดีจะมีขึ้นในเดือนหน้า ส่วนในวันนี้ จะพิจารณาว่าจะห้าม เขาจะสามารถเดินทางออกจากประเทศไทยหรือไม่
+++นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือและกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เข้าที่ประชุม ครม.วันพรุ่งนี้ เพื่อให้ผู้ที่มีอยากมีบ้านเป็นของตัวเองทำได้ง่ายขึ้น โดยอยากให้ ธอส. เพิ่มวงเงินสินเชื่อ การผ่อนชำระนานขึ้น ลดค่าธรรมเนียมการโอนจากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 นอกจากนี้ยังจะมีการหารือการจัดสรรงบประมาณแนวใหม่ด้วย.
+++นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เตรียมข้อเสนอในการประมูลคลื่น 900 MHz ให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) พิจารณาในวันที่ 13 ต.ค. 58 นี้ 2 แนวทางคือ แนวทางแรก ประมูลช่วงบ่ายวันที่ 11 พ.ย. 58 วันเดียวกับการประมูลคลื่น 1800 MHz และ แนวทางที่สอง คือประมูลในวันที่ 12 พ.ย. 58 การประมูลคลื่น 900 MHz ต้องเดินหน้าเพราะ กสทช.ต้องทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนเป็นหลักไม่ใช่เพื่อรัฐวิสาหกิจ โดยขอย้ำว่ากฎหมายของ กสทช.คือต้องจัดสรรโดยการประมูล เหมือนการประมูลทีวีดิจิตอล และขณะนี้คลื่น 900 MHz ตกเป็นทรัพย์สินของรัฐแล้ว หาก บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ไม่พอใจต้องไปฟ้องศาลปกครองให้มีคำสั่งมายัง กสทช.เท่านั้น มีแนวโน้มว่าจะสามารถออกใบอนุญาตทั้ง 2 คลื่นความถี่ 4 ใบอนุญาตได้ภายในเดือน พ.ย.58 ทั้งนี้เมื่อมีการประมูลทั้ง 4 ใบอนุญาต จะทำให้มีรายได้เข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 7.3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้จะมีเม็ดเงินลงทุนจาก 4 ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ(โอเปอเรเตอร์) ลงสู่ระบบเศรษฐกิจอีก 1.6 แสนล้านบาท โดยคิดจากการลงทุนขั้นต่ำของทั้ง 4 รายๆละ 4 หมื่นล้านบาท
+++คดี 2 นักท่องเที่ยวชาย-หญิงชาวอังกฤษ ถูกทำร้ายเสียชีวิตบริเวณโขดหินริมชายหาดด้านปลายแหลม จปร. หาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่15 ก.ย.57 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายวิน หรือ เวพิว และนายซอ หรือ ซอริน อายุ 21 ปี แรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ เป็นจำเลย ล่าสุดการสืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายที่ศาลจังหวัดเกาะสมุยได้เสร็จสิ้นลงแล้ว เมื่อเวลา 22.30 น. เมื่อคืนนี้ โดยศาลกำหนดให้พนักงานอัยการ ฝ่ายโจทก์ และทนายความฝ่ายจำเลย ยื่นคำแถลงปิดคดีต่อศาลภายในวันที่ 26 ต.ค.58 และศาลกำหนดนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 24 ธ.ค.58
++++มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน ร่วมกับเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ จัดเสวนา“ผ่าการตลาดซ่อนเงื่อนแฝงโฆษณาน้ำเมา…เลี่ยงหรือท้าทายกฎหมาย” นางนิษฐา หรุ่นเกษม อาจารย์ประจำภาควิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร กล่าวว่า จากเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการ ตลาดแบบจงใจและจัดฉากให้ดูเหมือนมีความพร่าเลือนคือลงทุนย้อมโลโก้สินค้าให้เป็นโทนหม่นมืดดำเพื่อให้โฆษณาทางโทรทัศน์ได้ตลอดทั้งวัน โดยสร้างกระแสทางโซเชียลผูกตัวแบรนด์กับเหล่าเซเลปให้แพร่กระจายทางโลกออนไลน์เป็นกลยุทธ์แบบปากต่อปาก ตอกย้ำคำว่า new look ดังนั้น การเฝ้าระวังการตลาดในรูปแบบใหม่ของธุรกิจนี้ ภาครัฐต้องยิ่งกว่ารู้เท่าทันแต่ต้องป้องปรามได้ รวมถึงพลังประชาชนนักรบไซเบอร์ต้องช่วย กัน
+++นางจันทิมา เขียวแก้ว อาจารย์ประจำสาขาวิชาสื่อสารเชิงกลยุทธ์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยงานวิจัยโฆษณาแฝงของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางสื่อสังคมออนไลน์ สำรวจกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา พบว่ามีผลทางการตลาดมากคือเว็บไซต์ต่างๆ สติ๊กเกอร์ไลน์แฝงโลโก้ให้ดาวโหลดฟรี ใช้เฟชบุ๊คเป็นตัวสื่อสาร เช่นเช็คอินร้านเหล้าโปรโมทผลิตภัณฑ์ เข้าข่ายทำการตลาดแต่บังเอิญไม่เป็นข่าวซึ่งวงจรโซเชียลทำให้ผู้บริโภคถูกธุรกิจน้ำเมาดึงข้อมูลและถูกจัดไว้ในกลุ่ม เป้าหมายง่ายขึ้น ประกอบกับกฎหมายรัฐมีความล่าช้าไม่ทันเทคโนโลยี จึงขอเรียกร้องให้ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รับผิดชอบต่อสังคม อย่าฉวยโอกาสกับกลุ่มเยาวชน ที่เป็นอนาคตของชาติ
+++จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ ถึงด่านลอยย่านประตูน้ำ สน.พญาไท ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบตามคลิปวิดีโอ ทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ทั้ง 3 นาย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท จริง คือ 1. ร.ต.ต.ประจวบ ชัยวงศ์ทอง รองสว.จร.สน.พญาไท 2. ด.ต.ปพนพัชญ์ บุญทองคำ ผบ.หมู่ จร.สน.พญาไท 3. ด.ต.เฉลิมพล เพชรคุ้ม ผบ.หมู่ จร.สน.พญาไท ล่าสุด พ.ต.อ.ชณาวิน พวงเพชร ผกก.สน.พญาไท มีคำสั่งให้ 3ตำรวจ ไปปฏิบัติราชการที่ฝ่ายป้องกันปราบปราม ไปปฏิบัติราชการที่ฝ่ายสอบสวนและรับผิดชอบงานด้านเสมียนประจำวัน โดยไม่ขาดจากตำแหน่งเดิมทั้ง 3 คน ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม โดยไม่มีกำหนด ตำรวจทั้ง 3 ราย ยอมรับว่า กระทำการดังในคลิปจริง แต่ไม่ได้เป็นการตั้งด่านลอยแต่อย่างใด เนื่องจากในวันดังกล่าว ตำรวจทั้ง 3 นายได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ไปอำนวยความสะดวกเรื่องจราจร แต่เมื่อเห็นว่ามีการขับรถย้อนศร และมีการกระทำความผิด จึงได้เรียกรถให้หยุด พร้อมดำเนินการจับกุม ซึ่งตามปกติถือว่าสามารถกระทำได้ เพราะเป็นเหตุซึ่งหน้า แต่ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด
+++ข่าวของร.ท.สัณชัย เองตระกูลหรือ "เป็ก" ข้าราชการสังกัดป.ป.ท. ถูก พ.ต.ท.นพ.ปิยพงษ์ สาครเย็น หรือ "หมอพาย" สบ.3 กลุ่มงานตรวจพิสูจน์หลักฐานเกี่ยวกับบุคคลสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจแจ้งความดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกาย นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ร.ท.สัณชัย ได้ย้ายตัวออกไปช่วยราชการที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ตั้งแต่เดือน พ.ย. ปี 56 การแจ้งความเอาผิดในคดีอาญากับข้าราชการคนดังกล่าว จึงเป็นหน้าที่ของหัวหน้าส่วนราชการ คือ ศอ.บต. ที่จะดำเนินการ ส่วนป.ป.ท. ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่เชื่อว่าศอ.บต.ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการที่รับผิดชอบคงดำเนินการตามขั้นตอน
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดที่ 1,412.49 จุด เพิ่มขึ้น 1.16 จุด มูลค่าการซื้อขาย 51,115.41ล้านบาท
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า รัฐบาลจีนจะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ ปิดเพิ่มขึ้น 272.13 จุด ที่ 22,730.93 จุดพร้อมคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือลดสัดส่วนการกันสำรองลง ก่อนที่จีนจะเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. ในวันที่ 14 ต.ค.นี้
+++ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น 104.51 จุด ที่ 3,287.66 จุด
+++หลายเมืองในสหภาพยุโรป (อียู) ต่อต้านการเจรจาความเป็นหุ้นส่วนการค้าและการลงทุนข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก (ทีทีไอพี) ระหว่างอียูกับสหรัฐ เพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบอย่างกว้างขวางทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม เฉพาะกรุงเบอร์ลินของเยอรมนีมีคนมาแสดงพลังต่อต้านเกือบ 250,000 คน พวกเขาไม่พอใจทั้งเนื้อหาและความคลุมเครือในการเจรจา และรวบรวมรายชื่อได้กว่า 3 ล้านรายชื่อยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่คณะกรรมาธิการยุโรปไม่ยอมรับโดยอ้างว่า การอุทธรณ์ทำได้เฉพาะเรื่องกฎหมายเท่านั้น ไม่ครอบคลุมถึงการเจรจาการค้า นักรณรงค์ต่อต้านชี้ว่า ทีทีไอพีจะเปิดทางให้สินค้าเกษตร ยา และเคมีจากสหรัฐเข้าอียู ทำให้สหรัฐกลายเป็นเจ้าผู้ครองจักรวรรดิ มีอำนาจเบ็ดเสร็จด้านภูมิรัฐศาสตร์ และหมายถึงอวสานของประชาธิปไตย
+++นายกรัฐมนตรีอาเหม็ด ดาวูโตกลูของตุรกีกล่าวว่า ตุรกีกำลังสอบสวนโดยพุ่งประเด็นไปที่กลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยรายสำคัญในเหตุระเบิดครั้งใหญ่เมื่อวันเสาร์ ด้านรัฐมนตรีกิจการภายในตุรกีระบุว่า ทางการกรุงอังการามีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ภายหลังได้รับบทเรียนจากเหตุระเบิด ซึ่งนับเป็นเหตุระเบิดครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของตุรกี กลุ่มสนับสนุนชาวเคิร์ด ระบุตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดในกรุงอังการาอยู่ที่ 128 คน ขณะที่สำนักนายกรัฐมนตรีตุรกีแถลงว่ามีผู้เสียชีวิต 97 คนจากเหตุระเบิดสองครั้งซ้อนทางสถานีรถไฟสายหลักระหว่างการชุมนุมอย่างสันติของกลุ่มฝ่ายซ้ายและกลุ่มสนับสนุนชาวเคิร์ดในกรุงอังการาเมื่อสุดสัปดาห์