หลังการเข้าดำรงตำแหน่ง พลตำรวจโทชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวถึงการปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรรม ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งว่า จะเน้นปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตำรวจตามนโยบายให้ดีขึ้นให้ออกมาเป็นรูปธรรม รวมถึงอำนวยความสะดวกกับประชาชนในเรื่องต่างๆ เริ่มการการร้องทุกข์แจ้งความ บนโรงพัก และในส่วนของสถานีตำรวจ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องการมุ่งเน้น การป้องกันอาชญกรรม เพื่อให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจ โดยมีเป้าหมายที่จะต้องระดมกวาดล้างอย่างจริงจังคือ อาวุธปืน ยาเสพติด หมายจับคดีค้างเก่า และคดีอาชญากรรมอื่นๆ ซึ่งในวันนี้ ได้นำของกลางจับที่สามารถตรวจยึดมาได้ คือ อาวุธปืน382 กระบอก แยกเป็นอาวุธปืนมีทะเบียน 120 กระบอก และไม่มีทะเบียน 262 กระบอก แบ่งเป็นอาวุธปืนสั้น 141 กระบอก ปืนยาว 22 กระบอก ปืนลูกซอง 26 กระบอก ปืนไทยประดิษฐ์ (ปืนปากกา,คิงคอบบร้า) 145 กระบอก ปืนอัดลม 48 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 2,260 นัด โดยหลังจากนี้จะมีการมอบให้อาวุธปืนทั้งหมดที่ตรวจยึดได้ ส่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานทำการพิสูจน์เพื่อนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับคดีที่ผ่านมา
นอกจากนี้จะเร่งแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 อย่างจริงจัง ด้านปัญหาการจราจร เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงของมรสุม ซึ่งจะทำให้การจราจรค่อนข้างที่จะติดขัด หากผู้ขับขี่ไม่ได้มีการกระทำผิดอย่างจริงจังโดยเห็นได้ชัดก็อาจจะมีการอนุโลม แต่จะต้องมีการทำความเข้าใจให้ตรงกันเพื่อลดปัญหาด้านการจราจร
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ยังแถลงข่าว คดีลักทรัพย์ ในพื้นที่ จ.นนทบุรี การขยายผลทราบว่า นายสุชาติ สารีพันธ์ ผู้ต้องหามีอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ได้ใช้โอกาสในการเข้าไปต่อเติมตกแต่งบ้านพัก ทำการลักทรัพย์ตามหมู่บ้านจัดสรรต่างๆ ซึ่งมีผู้มาชี้ตัวพร้อมยืนยันของกลางแล้ว จำนวน 6 ราย รวมถึงการจับกุม ผู้ต้องหาคดีปล้นรถน้ำมัน ในพื้นที่จ.ชัยนาท โดยคนร้ายใช้จังหวะที่ผู้ขับขี่รถบรรทุกน้ำมันจอดนอนพักข้างทางบริเวณถนนสายเอเชีย จึงทำการปล้นเอาทั้งรถและน้ำมันไป หลังจากนั้นได้จอดรถทิ้งไว้และเอาน้ำมันจำนวน 4หมื่นลิตรไปขาย
คดีปล้นทรัพย์ ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาจำนวน 5 คน ซึ่งเป็นผู้ติดยาเสพติด ได้ขับรถตระเวนหาเหยื่อ เมื่อสบโอกาสได้ใช้อาวุธมีดฟันที่แขนของผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บ แล้วขโมยทรัพย์สินหนีไป โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ดื่มสุราจนมีอาการมึนเมา เมื่อเห็นผู้เสียหายผ่านมาจึงทำการปล้นแต่ผู้เสียหายมีการขัดขืนจึงเกิดการต่อสู้ขึ้น หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนและจับกุมได้ที่บ้านพักหลังหนึ่ง พร้อมของกลาง คือเงินสดจำนวน 460 บาทและบัตร เอทีเอ็ม นอกจากนี้ยังสามารถตรวจยึดวัตถุระเบิดได้ 11 รายการ จำนวน 100 ลูก ยาเสพติด จำนวน 750 ราย ได้แก่ ยาบ้า 243,055.50 เม็ด ไอซ์ 3,149.47 กรัม กัญชา 4,216.54 กรัม ใบกระท่อม 1,072 กิโลกรัม และจับกุมผู้ต้องหาจากหมายค้างเก่า จำนวน 264 ราย