ทันสถานการณ์ฯ:ไม่มีคนไทยได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดที่ตุรกี/สหรัฐจ่ายชดเชยเหตุโจมตีโรงพยาบาล/ธ.โลกห่วงการใช้พลังงานทางเลือก

12 ตุลาคม 2558, 06:06น.


จากเหตุระเบิด 2 ครั้งเกิดขึ้นใกล้กับการชุมนุมของกลุ่มสนับสนุนชาวเคิร์ด ใกล้กับบริเวณสถานีรถไฟหลักในกรุงอังการา ซึ่งทางการตุรกีประกาศให้มีการไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตเป็นเวลา 3 วัน และยังเป็นเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ และยังไม่มีใครยอมรับว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุ



กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า นักเรียนไทยในกรุงอังการาทุกคนปลอดภัยและไม่มีคนไทยได้รับผล ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีสารแสดงความเสียใจไปยังนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีแล้ว



ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา แสดงความเสียใจต่อประธานาธิบดีเรเซ็ป เทย์ยิป เออโดแกนผู้นำตุรกี จากเหตุระเบิดโจมตีกลุ่มผู้เดินขบวนในกรุงอังการาเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 95 คนแล้ว และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 200 คน



ด้านนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐ โทรศัพท์ถึงนายเฟอริดุน ซีนีร์ลิโอกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี แสดงความเสียใจต่อเหตุโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายเช่นกันและยืนยันว่าพร้อมจะทำงานร่วมกับตุรกีเพื่อต่อสู้กับการก่อการร้ายทุกรูปแบบ



ส่วนนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ผู้นำเยอรมนี แสดงความเสียใจและตกใจที่เกิดเหตุร้ายแรงขึ้น เช่นเดียวกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียที่ได้แสดงความเสียใจไปยังประธานาธิบดีตุรกีแล้ว และนายบัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ระบุว่า ผู้ที่ก่อการร้ายในครั้งนี้จะต้องถูกนำตัวมาดำเนินดคีตามกฎหมาย



กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา เตรียมจ่ายค่าชดเชยให้ผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีโรงพยาบาลในเมืองคุนดุซ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดน (เอ็มเอสเอฟ) ในอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2558 ขณะที่เอ็มเอสเอฟยืนยันข้อเรียกร้องว่าจะต้องมีการสอบสวน โดยคณะสอบสวนอิสระจากต่างประเทศ เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เจ้าหน้าที่ของเอ็มเอสเอฟเสียชีวิต 12 คน และผู้ป่วยเสียชีวิต 10 คนกับมีผู้สูญหายอีก 33 คน



รัฐสภาอิหร่านผ่านร่างกฎหมายที่จะอนุญาตให้รัฐบาลอิหร่านดำเนินการตามข้อตกลงนิวเคลียร์ครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างอิหร่านกับมหาอำนาจโลกรวมทั้งสหรัฐฯ และคาดว่าจะได้รับอนุมัติขั้นสุดท้ายช่วงปลายสัปดาห์นี้ โดยสาระสำคัญได้ให้อำนาจรัฐบาลอิหร่านถอนตัวจากการดำเนินการตามข้อตกลงได้ หากอีกฝ่ายไม่ยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน



เบลารุสจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี และคาดว่า นายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ผู้นำคนปัจจุบัน จะดำรงตำแหน่งต่อไปอีกเป็นสมัยที่ 5 หลังจากที่เป็นประธานาธิบดีมาแล้ว 21 ปี



นายสุบาช จันทรา เนมบัง ประธานสภาผู้แทนราษฎรของเนปาล แถลงว่า รัฐสภาได้ลงมติเลือกนายคัดกา ปราสาด โอลี หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศ โดยมีคู่แข่งคือนายสุชิล คอยราลาและนายเนมบังชนะไปด้วยคะแนนเสียง 338 ต่อ 249 คะแนน



ศูนย์อุตุนิยมวิทยาเมียนมาประกาศเตือนว่า จะมีฝนตกหนักในเขตและรัฐ 8 แห่ง ทางภาคเหนือของประเทศ รวมทั้งพื้นที่ที่เคยได้รับความเสียหายอย่างหนักในเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากพายุดีเปรสชั่นที่รัฐยะไข่ทางตะวันตกของประเทศ ทำให้ทะเลมีคลื่นสูงบริเวณอ่าวเมาะตะมะและบริเวณชายฝั่งรัฐยะไข่



ทางการซาอุดีอาระเบีย สรุปยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเหยียบกันตายในพิธีฮัจญ์ที่เมืองมีนา ใกล้กับนครศักดิ์สิทธิ์เมกกะในซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ว่า อาจสูงถึง 1,399 คน สูงกว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการที่รายงานไว้ก่อนหน้านี้ที่ 769 คน นับเป็นโศกนาฏกรรมที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 25 ปี ที่เคยเกิดขึ้นในพิธีฮัจญ์ โดยในปีนี้ยังมีเหตุสลดใจที่เกี่ยวเนื่องกับพิธีฮัจญ์อีกเหตุการณ์หนึ่งด้วย คือเหตุเครนถล่มเมื่อ 11 กันยายนที่ผ่านมา ที่มัสยิดกลางในนครเมกกะ ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 111 คน โดยเครนที่ถล่มเป็นส่วนหนึ่งของโครงการก่อสร้างเพื่อขยายพื้นที่ประกอบพิธีฮัจญ์



เจ้าหน้าที่สำนักงานปกครองท้องถิ่นจีนสรุปเหตุระเบิดและไฟไหม้ร้านอาหารขนาดเล็กในเมืองหวู่หู มณฑลอานฮุย ทางตะวันออกของจีน ซึ่งเกิดขึ้นช่วงบ่ายวันที่ 10 ตุลาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 17 คน โดยสาเหตุเกิดจากแก๊สรั่ว พนักงานและลูกค้าของร้านอาหารที่อยู่ใกล้เคียงพยายามช่วยกันสกัดไฟไหม้ แต่ไม่ได้ผล เพราะไฟลุกท่วมอย่างรวดเร็วและประตูร้านอาหารพังปิดทางเข้าออก



เกิดอุบัติเหตุกับเครื่องบินโดยสารรุ่นแอร์บัส เอ 330-300 ของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ขณะวิศวกรทดสอบการลงจอด แต่ส่วนหัวเครื่องบินปักลงพื้นไถลครูดรันเวย์สนามบินชางงีของสิงคโปร์ เนื่องจากล้อหน้าพับเก็บเอง แต่วิศวกรผู้ทำการทดสอบไม่ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้โดยสารคนอื่นอยู่ด้วย



ธนาคารโลกแสดงความกังวลว่าการเปลี่ยนผ่านการพึ่งพาเชื้อเพลิงซากฟอสซิลไปสู่การใช้พลังงานทางเลือก อาจเป็นการทำร้ายระบบเศรษฐกิจของโลก นางราเชล ไคท์ ผู้แทนพิเศษด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศธนาคารโลกอธิบายว่า เป็นเวลาหลายทศวรรษที่โลกพึ่งพาพลังงานเชื้อเพลิงจากซากฟอสซิลทั้งน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน จนกลายเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ทำให้ช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนรูปแบบการใช้เชื้อเพลิงอาจทำให้เกิดภาวะชะงักงันในกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างรุนแรงหรือวิกฤติที่เรียกว่า "ฟองสบู่คาร์บอน"



..

ข่าวทั้งหมด

X