การใช้ Single Gateway แง่มุมของกฎหมาย นายยิ่งชีพ อัฌชานนท์ กลุ่มiLaw อินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน กล่าวว่า บางเว็บไซด์มีนโยบายปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น facebook โดยเฉพาะกฎหมายที่ต่างประเทศไม่มี คือคดีหมิ่นประมาทในมาตรา 112 ซึ่งหากมี Single Gateway เจ้าหน้าที่รัฐจะสามารถใช้อำนาจโดยไม่ต้องขอความร่วมมือจากใคร ซึ่งส่วนตัวมองว่า ทำไม่ได้ง่ายเพราะเอกชนจะไม่ยอมเพราะเสียผลประโยชน์ และไทยไม่ได้มีความสามารถทางเทคโนโลยีเพียงพอที่จะทำให้เกิดSingle Gateway ได้เพียง 4-5 ปี ซึ่งหากสามารถนำมาใช้ได้จริงความผิดคดีหมิ่น 112 จะไม่ลดลงเช่นกัน
ทั้งนี้มองว่ามีสองเรื่องในการคัดค้านการออกกฎหมายของรัฐบาลที่ประชาชนตื่นตัว คือพ.ร.บ.ความมั่นคงไซเบอร์ และ Single Gateway ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะอินเตอร์เน็ตเป็นหอกข้างแคร่ของรัฐบาลทุกยุกทุกสมัยในโลกที่ต้องการเข้ามาสอดส่องข้อมูลของประชาชน ซึ่งมองว่าแม้รัฐบาลจะยอมถอยในกรณีนี้แต่ต้องมีตวามพยายามที่จะเข้ามาสอดส่องข้อมูลของประชาชนในรูปแบบอื่นอย่างแน่นอน
ด้านผศ.ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร อาจารย์คณะสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่าแนวคิดนี้แสดงให้เห็นว่าสังคมไทยกำลังครอบตัวเองอยู่ในกะลา ที่ยังจินตนาการเกี่ยวกับเรื่องการสื่อสารเพียงแค่อยู่ที่ระบบวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งเป็นการสื่อสารทางเดียวและหากควบคุมสื่อดังกล่าวได้ทุกอย่างก็จบ ซึ่งความจริงแล้วไม่สามารถทำได้ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมเชิงซ้อน และผู้ให้ข้อมมูลมีการกระจายตัวมากขึ้น ส่วนการแก้ไขปัญหาเด็กติดเกมส์ หรือม.112 ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง หรือในแง่ของตัวกฎหมายอยู่แล้ว