องค์การสหประชาชาติ ธนาคารโลก และธนาคารเพื่อการพัฒนาอิสลาม ประกาศจัดตั้งกองทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือผู้อพยพจากตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ แผนการจัดตั้งกองทุนมีขึ้นภายหลังการหารือร่วมกันของผู้แทนระดับสูงของหน่วยงานทางการเงิน เพื่อพยายามบรรเทาวิกฤตการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ โดยเฉพาะในซีเรีย อิรัก เยเมน และลิเบีย ซึ่งทำให้เกิดการหลั่งไหลของผู้อพยพหนีสงครามกลางเมืองสู่ยุโรป นายจิม ยอง คิม ประธานธนาคารโลกกล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้อพยพหลบหนีความขัดแย้งออกจากถิ่นฐานมากกว่า 15 ล้านคน และทำให้เกิดปัญหาผู้อพยพไหลทะลักเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เลบานอนและจอร์แดน ด้านนายฮาเฟซ กาเนม รองผู้ว่าการธนาคารโลกประจำภาคพื้นตะวันออกกลางและยุโรปกล่าวว่า ตามแผนการจัดตั้งกองทุนจะมีการร้องขอให้ประเทศที่ประสงค์จะช่วยเหลือผู้อพยพให้การรับรองจำนวนเงินในการระดมทุนเพื่อใช้ในโครงการต่างๆ รวมทั้งการซ่อมแซมและก่อสร้างที่พักอาศัยเพื่อให้ผู้อพยพย้ายกลับถิ่นฐานเดิม ตลอดจนการจัดตั้งกองทุนอิสลามเพื่อการลงทุนในภูมิภาค นอกจากนั้นยังจะขอความร่วมมือจากประเทศที่ให้กู้ยืมเงินในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับประเทศที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อพยพ รองผู้ว่าการธนาคารโลกกล่าวด้วยว่าไม่เฉพาะชาวซีเรียเท่านั้นที่กำลังเดือดร้อน แต่สถานการณ์ในเยเมนก็เลวร้ายไม่แพ้กัน ขณะที่ตูนีเซียและตุรกีก็กำลังแบกรับภาระหนักในการรับผู้อพยพจำนวนมาก รองผู้ว่าการธนาคารโลกคาดว่ากลุ่มประเทศร่ำรวยจี 7 และประเทศอื่นๆ ในยุโรปจะเป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดตั้งกองทุน ซึ่งอาจจะระดมทุนได้มากถึงหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะเวลา 5-10 ปี พร้อมย้ำถึงปัญหาความไร้เสถียรภาพในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือว่ากำลังสร้างผลกระทบต่อคนทั่วทั้งโลก เพราะไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาจากการอพยพเท่านั้น หากยังทำให้สถานการณ์ก่อการร้ายรุนแรงขึ้น และทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกเกิดความผันผวนด้วย ดังนั้นประชาคมโลกจึงต้องช่วยกันปกป้องผลประโยชน์ของตนเองด้วยการนำเสถียรภาพให้กับคืนสู่ภูมิภาค
**10.43F174**