การปรับตัวของเกษตรกรในรับมือสถานการณ์ภัยแล้ง ในที่ประชุมสัมมนาวิกฤติน้ำท่วม น้ำแล้ง พลิกโฉมการบริหารจัดการน้ำของไทย มีการแสดงความเห็นจากตัวแทนของเกษตรกรจากหลายพื้นที่ เริ่มจากนายเกษมชัย แสงสว่าง เลขานุการกลุ่มผู้ใช้น้ำคลองด้วน ต.หนองโพธ์ จ.สุพรรณบุรี หนึ่งในคณะกรรมการจัดการชลประทานเขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี ระบุว่า ในพื้นที่ 9 แสนกว่าไร่ ประชาชนในพื้นที่ได้แก้ปัญหาการแย่งน้ำ ด้วยการมีส่วนร่วมและหยุดการทำนาปรัง เพื่อรักษาน้ำไว้ใช้ในการทำนาปี นอกจากนี้ เกษตรกรได้หาแหล่งน้ำเพิ่มเติมด้วยการขุดสระ ทำแก้มลิงในพื้นที่ไร่นา และหาแหล่งน้ำคู่ขนาน และชาวบ้านต้องทำความสะอาดคูคลองให้สะอาดเรียบร้อยก่อนที่ชลประทานจะเปิดน้ำเข้ามาในพื้นที่เพื่อประหยัดน้ำ
ขณะเดียวกัน เกษตรกรยังใช้เสียงตามสายผ่านวิทยุชุมชน ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้น้ำได้รับทราบถึงสถานการณ์ พร้อมกันนี้ ยังติดตามข่าวสารจากกรมชลประทานจากเฟสบุ๊คและใช้ไลน์ร่วมในการพูดคุยประสานงานร่วมกับกรมชลประทาน โดยนายเกษมชัย ระบุว่า เกษตรกรต้องไม่มองว่าเจ้าหน้าที่กรมชลประทานเป็นเจ้านายแต่เป็นเพื่อนร่วมงานกันจึงสามารถบริหารจัดการน้ำร่วมกันได้
ด้านนายบุญลือ ธีระตระกูล ตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำโครงการพระองค์ไชยานุชิต จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า พื้นที่ของตัวเองอยู่ปลายน้ำ จึงจะต้องมีการตรวจสอบสภานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดว่าน้ำจะไหลมาถึงพื้นที่ตัวเองหรือไม่ ขณะเดียวกัน ได้ตั้งคำถามไปที่เจ้าหน้าที่หากให้ทำอาชีพเสริมจะสามารถขายสินค้าอะไรได้บ้าง และมีตลาดรองรับอย่างไร
เช่นเดียวกับนายทัศน์ ช้างเยาว์ ตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำคลอง 12 โครงการรังสิตเหนือ จ.ปทุมธานี กล่าวว่า พร้อมที่จะปรับตัวโดยไม่เพียงแต่เรียกร้องจากภครัฐเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการให้เจ้าหน้าที่รัฐ กรมชลประทาน เกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัดช่วยให้คำแนะนำ ว่าจะการปรับเปลี่ยนการทำการเกษตร หรือมีอาชีพเสริมอะไรบ้าง
ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี