*มติคพน.ให้ขสมก.สั่งรถไฟฟ้าในปท.แทนรถNGV เห็นชอบมาตรการเร่งด่วนพัฒนาเทคโนโลยีระบบขนส่งทางราง เสนอประมูลยกล็อต*

09 ตุลาคม 2558, 20:44น.


หลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมแห่งชาติ คพน. ครั้งที่ 4/2558 ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช. เป็นประธานการประชุม นายพิเชษฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการต่อมาตรการเร่งด่วนในการพัฒนาเทคโนโลยีระบบขนส่งทางรางเพื่อสนับสนุนโครงการลงทุนระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพและปริมณฑล ที่เสนอปรับเปลี่ยนวิธีการจัดซื้อจัดจ้างจากที่จากเดิมประมูลทีละสายมาเป็น ล็อตใหญ่ โดยให้รัฐเป็นผู้กำหนดรายละเอียดด้านเทคนิคแทนผู้ได้สัญญาเดินรถ รวมทั้งบรรจุเงื่อนไขในสัญญากับผู้ประกอบการเดินรถเกี่ยวกับการถ่ายทอดเทคโนโลยี การร่วมวิจัยและพัฒนากับสถาบัน วิจัย หรือหน่วยงานของภาครัฐ  โดยได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ คพน. ประสานงานกับกระทรวงคมนาคม เพื่อดำเนินรายละเอียดต่อไป มีการแบ่งขั้นตอน จากนั้นขยายไปสู่การผลิต ซึ่งอาจเริ่มจากการนำของที่มีอยู่มาดัดแปลง  เป็นต้น



ส่วนการสนับสนุนนโยบาย ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอาเซียนนั้น คณะกรรมการฯ คพน.จะเร่งรัดให้ ขสมก.ขอแก้ไขมติ ครม.จากเดิมที่เห็นชอบให้จัดซื้อรถเมล์ เอ็นจีวี เป็นจัดซื้อรถไฟฟ้า ที่ผลิตในไทยในจำนวนหนึ่งให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ โดยเน้นคุณภาพ ความปลอดภัย  เพื่อนำร่องอุตสาหกรรมยานยนต์ในด้านนี้ ซึ่งพบว่า อุตสาหกรรมด้านนี้ในไทย มีความพร้อม และเป็นฐานการผลิตอันดับแรกในอาเซียนได้ในอนาคต เบื้องต้นรัฐบาลจะเป็นผู้รับซื้อเอง โดยเฉพาะ ขสมก.ที่จะมีการจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้า จำนวน 500 คน โดยมีการสั่งนำเข้ารถไฟฟ้า มาเพียง 1 คัน เพื่อศึกษา จากนั้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จะมีการประกอบชิ้นส่วน เพื่อจัดทำขึ้น ก่อนที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ ครม.พิจารณาต่อไป  



ส่วนการลงทุนด้านระบบรางนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า จะไม่มีการที่ต่างคนต่างทำ รัฐบาลจึงจะกำหนดให้ผู้ทำทำสัญญาเดินรถ ต้องใช้กรอบและมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ซึ่งรถทุกประเภทจะต้องใช้งานร่วมกันได้ เช่นเดียวกัน ก็จะมีการก่อสร้างโรงประกอบในประเทศภายในปี 2560  เป็นต้น ขณะที่ภาคเอกชนก็จะต้องปรับตัว เพราะในอนาคต ประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง ลาว มาเลเซีย อินโดนีเซีย ก็จะมีการลงทุนด้านนี้ในประเทศ ทำให้ไทยสามารถที่จะต่อยอด ในเรื่องนี้ได้ เพราะไทยได้ริเริ่ม และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านนี้แล้ว



ที่ประชุมค.พ.น.  ยังเห็นชอบขยายผลการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชนบท โดยตั้งเป้า 200 ชุมชนทั่วประเทศ ในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับการแก้ปัญหาภัยแล้งในอนาคต เช่น รัฐบาล จะสนับสนุนงบประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อหาพืชชนิดอื่นมาปลูกทดแทน อาทิ  การเตรียมเมล็ดพันธ์ถั่วเขียว เพื่อให้เกษตรกรเพาะปลูก ซึ่งโรงงานผลิตวุ้นเส้น และพร้อมที่จะรับซื้อในราคาที่ดี  

ข่าวทั้งหมด

X