*TDRI แนะทุกภาคส่วนต้องช่วยกันแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง เกษตรกรยอมรับปรับตัวเยอะ*

09 ตุลาคม 2558, 17:46น.


ตลอดทั้งวันในเวทีสัมมนาวิกฤติน้ำท่วม-น้ำแล้ง ที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)  ร่วมกับ International Development Research Centre (IDRC) จัดขึ้นที่ โรงแรมเชอราตัน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นักวิชาการจากหลากหลายสถาบันได้หารือเสริมยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของรัฐบาล มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ลดปัญหาความขัดแย้งเรื่องน้ำ เพื่อเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการน้ำให้ดียิ่งขึ้น  นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และหัวหน้าโครงการวิจัยการปฏิรูปจัดการน้ำ กล่าวว่าปัญหาน้ำในสองปีนี้ เพราะมีปัญหาจากโครงการจำนำข้าว และจากการแทรกแซงนโยบายจากฝ่ายการเมือง รวมถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ซึ่งขณะนี้รัฐต้องจำลองสภาพอากาศในรูปแบบหลากหลาย และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้เพื่อปรับตัวในการผลิตได้ รวมทั้งจะต้องพัฒนาการวิจัยใหม่ๆ โดยอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญคือ ต้องกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นซึ่งท้องถิ่นต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหา โดยเฉพาะต้องดึงภาคเกษตรเข้ามามีส่วนร่วม



ด้านนางมิ่งสรรพ์ ขาวสอาด ประธานมูลนิธิสถาบันศึกษาศึกษานโยบายสาธารณะ ระบุว่าเรื่องการบริหารจัดการน้ำจะต้องบูรณาการร่วมกับการจัดการที่ดิน ซึ่งปัญหาน้ำท่วม น้ำหลาก ดินถล่ม การกัดเซาะชายฝั่ง ล้วนเป็นเรื่องเดียวกัน  ดังนั้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องเข้ามามีบทบาท ซึ่งการแก้ปัญหาแต่ละพื้นที่จะต้องดูที่ระบบนิเวศน์ภายในพื้นที่เป็นหลักเพราะแต่ละพื้นที่มีปัญหาที่ไม่เหมือนกัน พร้อมกันนี้เสนอให้มีตั้งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำ ที่ประกอบไปด้วยผู้ใช้น้ำเป็นหลักเพื่อแก้ปัญหา



ขณะที่นางลดาวัลย์ คำภา รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวสนับสนุนว่า อปท. มีบทบาทที่สำคัญมากเพราะเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่ แต่ขณะนี้ยังขาดศักยภาพ เพราะขาดผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำโดยตรงในการวิเคราะห์ข้อมูล และการบริหารความคุ้มค่า หากส่วนกลาง จังหวัด และอปท. มีความร่วมมือกันที่ดีจะทำให้การใช้นโยบายบริหารจัดการน้ำมีประสิทภาพมากขึ้น นอกจากนี้เกษตรกรเองยังต้องปรับทัศนคติมองทางเลือกในการประกอบอาชีพ เช่นการเลี้ยงสัตว์ ควบคู่กันไปด้วย หรือปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยลง ขณะเดียวกันต้องวางแผนกลยุทธให้เหมาะสมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าทางการเกษตร



ด้านตัวแทนเกษตรกร นางบุญชอบ กิจที่พึ่ง กำนัน ต.บางหลวง อ.บางบาน พระนครศรีอยุธยา ระบุว่าเกษตรกรในพื้นที่ มีผลกระทบจากทั้งน้ำท่วมและแล้งมาโดยตลอด ดังนั้นจึงต้องปรับตัวโดยปลูกพืชทุกอย่างที่กิน และเกษตรกรเองก็สามารถกินทุกอย่างที่ปลูกได้ เพื่อใช้สามารถดำเนินชีวิตได้ในช่วงที่ประสบภัยและไม่สามารถเพาะปลูกพืชที่เป็นรายได้หลัก

ข่าวทั้งหมด

X