*รอบวัน:นายกฯอึดอัดคนจ้องจับผิดกรธ.-สปท./ดีเซลจ่อขึ้นพรุ่งนี้/ฉอยหวั่นถล่มญี่ปุ่นตาย1*

09 ตุลาคม 2558, 17:35น.


สรุปข่าว 19.35น.



+++พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  มองว่า เป็นเรื่องของ  รัฐสภาสหภาพยุโรป (อียู) ออกแถลงการณ์กดดันรัฐบาลไทยให้เคารพหลักสิทธิมนุษยชน และคืนกระบวนการประชาธิปไตยโดยเร็ว พร้อมทั้งสนับสนุนให้สหภาพยุโรป (อียู) คงมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจและการเมืองกับไทยต่อไป จนกว่าไทยจะกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย เพราะหากไม่เข้าใจ และนี่เป็นประเทศของเรา และที่ผ่านมา ได้มีการชี้แจงชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งในเวลานี้ไม่มีความเป็นประชาธิปไตยหรืออย่างไร ซึ่งปัจจุบันเราก็พยายามเดินตามประชาธิปไตยอยู่แล้ว



+++พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) รู้สึกอึดอัดกับการแสดงออกของนักการเมือง นักวิชาการ และสื่อมวลชนเลือกข้างบางกลุ่มที่ตั้งแง่ และพยายามจับผิดการทำงานของคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ทั้งนี้รัฐบาลขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแสดงความคิดความเห็นผ่านช่องทางที่กรธ.จัดไว้ ดีกว่าการแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางสื่อมวลชน เพราะอาจทำให้สังคมสับสนว่าเรื่องใดเป็นข้อเท็จจริง  เรื่องใดเป็นเพียงการตีความไปเองหรือเป็นความคิดเห็นเฉพาะตัว



+++หากพิจารณาข้อสังเกตที่นักการเมืองนักวิชาการและสื่อมวลชนที่เลือกข้างพูดถึง ก็จะเห็นว่าวนเวียนอยู่เพียงแค่เรื่องอำนาจใครจะได้อำนาจ ใครจะสืบทอดอำนาจ ไม่ค่อยจะมีข้อความใดที่พูดถึงสิ่งที่จะทำให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนสักเท่าไร



+++สนช.ลงมติลับ158ต่อ6งดออกเสียง4เห็นชอบนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นั่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ  แทนนายเฉลิมพล เอกอุรุ ที่ครบวาระ เนื่องจากอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ พร้อมเตรียมนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป



+++กทม.ชี้แจงทำความเข้าใจผู้ประกอบการ จัดเก็บภาษีน้ำมันและก๊าซ ทุกประเภทเพิ่มอีก 5 สตางค์ต่อลิตร มีผลบังคับใช้ 15 ต.ค.นี้ เชื่อไม่กระทบต่อผู้บริโภค นายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ภาษีน้ำมันและก๊าซ เป็นภาษีท้องถิ่นซึ่งมีการจัดเก็บกันมานานแล้ว ที่ผ่านมา  กทม.ไม่ต้องการเพิ่มภาระด้านต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการจึงมีการชะลอการจัดเก็บภาษีประเภทนี้ไว้ก่อน แต่ขณะนี้ กทม.ได้ออกข้อบัญญัติ เรื่องการเก็บภาษีบำรุง กทม. สำหรับน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล รวมถึงก๊าซปิโตรเลียมจากสถานการค้าปลีก ในอัตรา 5 สตางค์ต่อลิตร เท่ากับอัตราของท้องถิ่นอื่นๆ ซึ่งสามารถจัดเก็บสูงสุดได้ลิตรละ 10 สตางค์ เชื่อว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะนำค่าการตลาดมาชำระ เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อผู้บริโภค โดย ผู้ประกอบการรายใหญ่ในพื้นที่ กทม. มีทั้งหมด 15 ราย ทำให้มีสถานประกอบการทั้งหมด 773 แห่ง มียอดจำหน่ายน้ำมันอยู่ที่ 10,000 ล้านลิตรต่อปี ส่งผลให้กทม.มีรายได้เพิ่มขึ้น 500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะนำรายได้ดังกล่าว มาพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคต่างๆ อำนวยความสะดวกสบายให้กับคนกรุง สำหรับผู้ประกอบการรายใดไม่ยื่นแบบแสดงรายการพร้อมชำระภาษีภายในกำหนดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งบรรยากาศภายในห้องประชุมมีผู้ประกอบการทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย



+++ดีเซลเตรียมขึ้นราคาพรุ่งนี้  นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน ปตท. กล่าวว่า ราคาน้ำมันดีเซลที่เตรียมปรับขึ้นและมีผลในวันพรุ่งนี้ เป็นผลมาจากค่าการตลาดน้ำมันที่ลดลงเหลือประมาณ   1 บาท/ลิตรจากที่ปกติแล้วไม่ควรต่ำกว่า 1.50  บาท/ลิตร ส่วนกลุ่มเบนซินเป็นมีค่าการตลาดที่เหมาะสมจึงไม่ปรับราคาแต่อย่างใด โดย ค่าการตลาดเฉลี่ยในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 1.47 บาท/ลิตร และทั้งปีมั่นใจว่าค่าการตลาดจะไม่ต่ำกว่า 1.50  บาท/ลิตร แต่ว่าอัตราที่ควรจะเป็นเมื่อรวมกับต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ควรต่ำกว่า 1.80 บาท/ลิตรก็ตาม



+++นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ระบุขณะนี้การดำเนินการจัดทำตั๋วร่วมอยู่ระหว่างออกแบบระบบและจัดทำระบบชำระเงินแบบหักบัญชีร่วมกัน หรือ Clearing House เพื่อเสนอให้ ครม. พิจารณาในการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง โดยคาดว่าตั๋วร่วมใบแรกจะสามารถเริ่มดำเนินการใช้ได้ในเดือน ก.พ.59 ซึ่งจะมีการนำร่องใช้ตั๋วร่วมในระบบ รถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และภายในเดือนมิถุนายนปีหน้า จะนำระบบ M-Passและ Easy Pass เข้ามาใช้ในระบบตั๋วร่วม และภายในเดือนสิงหาคมปีหน้า คาดว่า ระบบตั๋วร่วมจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนที่ที่ใช้บริการ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 10 ล้านเที่ยวต่อวัน โดยหวังว่าจะช่วยดึงดูดให้คนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น และในอนาคตจะมีการพัฒนาระบบให้สามารถใช้แทนบัตรเดบิตการ์ด เพื่อใช้นอกระบบขนส่งหรือชำระสินค้าได้ด้วย



+++ศาลอาญา ให้ประกันตัว น.ส.เกสร ลิ้มมหาสมุทร หรือ "ลูกศร แม็กซิม” อดีตรองอันดับ 2 มิสแม็กซิมปี 2015 และนายโล้ว ยู ติง หรือโจนาธาน สัญชาติสิงคโปร์แฟนหนุ่ม ผู้ต้องหาที่ร่วมกันมียาไอซ์ในครอบครอง ไว้เพื่อจำหน่าย หลังจากผู้ต้องหาทั้งสองถูกตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ต 191 จับกุมได้ที่คอนโดฯแห่งหนึ่ง ย่านรัชดา-ห้วยขวาง เมื่อวันที่ 7 ต.ค.  หลังตำรวจ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่  9-20  ต.ค. เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องรอสอบปากคำพยานอีก 7 ปาก รอผลตรวจพิสูจน์อื่น ๆ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว โดยตีราคาประกันคนละ 5 แสนบาท และห้ามนายโล้ว ติง ยู เดินทางออกนอกราชอาณาจักร  เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ยึดหนังสือเดินทาง



+++คณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) มีมติเลิกจ้างนายสมชัย สุวรรณบรรณ ผู้อำนวยการ ส.ส.ท. โดยทันที และให้นางพวงรัตน์ สองเมือง ผู้อำนวยการสำนักรายการ เป็นผู้รักษาการผอ.ส.ส.ท.แทน โดยสาเหตุที่ตัดสินใจปลดนายสมชัย มาจาก "เรตติ้ง" ของสถานีไทยพีบีเอสตกลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับมติดังกล่าว ส่งผลให้คณะกรรมการบริหารทั้งคณะ อาทิ นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์, นายมงคล ลีลาธรรม, นายสุพจน์ จริงจิตร และนายพุทธิสัตย์ นามเดช สิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ ตามนายสมชัยโดยทันที  สำหรับคณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. ชุดปัจจุบัน ประกอบด้วย นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ประธานกรรมการนโยบาย, นางสมศรี หาญอนันทสุข, นายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ, นายสมพันธ์ เตชะอธิก, นางปราณี ทินกร, นางลดาวัลย์ บัวเอี่ยม, นายธีรภัทร สงวนกชกร, น.ส.รุ่งมณี เมฆโสภณ และนายพิพัทธ์ ชนะสงคราม  ขณะที่เว็บไซต์ Thai PBS แจ้งว่า  คณะกรรมการนโยบายให้เหตุผลว่า ผู้อำนวยการส.ส.ท. ไม่ให้ความสำคัญกับข้อเสนอแนะของกรรมการนโยบาย ไม่มีแผนบริหารความเปลี่ยนแปลงและแผนกลยุทธ์เพื่อการแข่งขัน รวมถึงการผิดสัญญาจ้างกรณีอนุมัติโครงการที่มีวงเงินเกิน 50 ล้านบาท โดยไม่ได้รับอนุมัติจากกรรมการนโยบายถึง 4 ครั้ง ส.ส.ท.จึงมีสิทธิ์เลิกจ้างโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า และไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย หรือค่าสินไหมทดแทนใดๆ



+++นายสัตวแพทย์ไพโรจน์ เฮงแสงชัย รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์การบริโภคไข่ไก่ในปี2558 เนื่องในวันไข่โลกปีที่ 20 โดยระบุว่าภาครัฐ ตระหนักและให้ความสำคัญกับการรณรงค์บริโภคไข่ไก่ในประเทศ เนื่องจากคนไทยมีการบริโภคไข่เฉลี่ยคนละ 200 ฟอง/คน/ปี ซึ่งเป็นอัตราการบริโภคค่อนข้างต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วค่อนข้างมาก ทั้งที่ไข่ไก่เป็นอาหารโปรตีนคุณภาพ ที่สำคัญ ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้เจริญเติบโต สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ แก้ปัญหาทุพโภชนาอย่างได้ผล ตั้งเป้าคนไทยบริโภคไข่ไก่เพิ่มขึ้นเป็น 300 ฟอง/คน/ปี ในปี 2561 /



+++เงินทุนต่างชาติไหลเข้าซื้อหุ้นขนาดใหญ่ กลุ่มปตท. หลังราคาน้ำมันขยับทะลุ 50 ดอลลาร์สหรัฐ ดันดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ปรับตลาดผ่าน 1,400 จุด ขึ้นไปปิดตลาดที่ 1,411.33 จุด เพิ่มขึ้น 19.18 จุด มูลค่าซื้อขาย 53,514.81 ล้านบาท



++++ดัชนีนิเคอิตลาดหุ้นโตเกียว ปิดเพิ่มขึ้น 297.50จุดที่ 18,438.67 จุด ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดเพิ่มขึ้น103.89 จุดที่ 22,458.80 จุด



+++สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิงชรา วัย 76 ปี และได้รับบาดเจ็บ 8 คน จากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นฉอยหวั่น ที่พัดเข้าเกาะฮอกไกโด ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น เมื่อค่ำวานนี้ ซึ่งส่งผลให้เกิดลมพัดกระโชกแรง และฝนตกหนัก รวมทั้งยังทำให้ประชาชนหลายพันครัวเรือนที่อยู่ในเมืองคุชิโระ และเมืองอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้นอกจากนี้ ยังมีการยกเลิกเที่ยวบิน 190 เที่ยว ที่ท่าอากาศยานที่อยู่บนเกาะฮอกไกโด 

ข่าวทั้งหมด

X