+++แนวคิดพัฒนาเศรษฐกิจภายในไม่หวังพึ่งส่งออกไปต่างประเทศ ด้วยการฟื้นคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ระดับภาค เพื่อกระตุ้นการลงทุนในระดับภาค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การจะลงพื้นที่เพื่อร่วมประชุมกรอ. ระดับภาค โดยจะเริ่มที่ จ.สุราษฎร์ธานีก่อนว่าเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้ดำเนินการเอง คิดว่า จะหาเวลาลงพื้นที่ให้ได้ทุกภาคทั่วประเทศ รวมถึงจังหวัดที่พร้อมในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเขตเศรษฐกิจพิเศษ ผลงานการใช้จ่ายงบประมาณ ทั้ง 5 ล้านบาท และ 1 ล้านบาท การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การขับเคลื่อน กรอ. เพราะขณะนี้ได้ให้ กรอ.จังหวัดเข้าไปขับเคลื่อนในพื้นที่ก่อน ถ้าส่วนใดพร้อมก็ไปก่อน
+++ส่วนปัญหาที่เอกชนมองว่าค่าเช้าที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษใหม่ หรือที่ดินที่รัฐจัดสรรให้เอกชนเช่า มีราคาแพงเกินไป นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หารือร่วมกับกระทรวงการคลังและภาคเอกชน เพื่อปรับปรุงข้อเสนออัตราค่าเช่าที่ดินให้เหมาะสม หลังจากภาคเอกชนยังมองว่าอัตราค่าเช่ายังไม่จูงใจพอและน่าจะถูกลงได้อีก
+++มีรายงานว่า กรมธนารักษ์ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าเช่าที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ระยะเวลาการเช่า 50 ปี เช่นจ.สระแก้ว ค่าธรรมเนียม 4.5 แสนบาท ค่าเช่า 32,000 บาทต่อไร่ต่อปี จ.ตราด ค่าธรรมเนียม 3.2 แสนบาท ค่าเช่า 24,000 บาทต่อไร่ต่อปี เป็นต้น
+++นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปกติแล้วแต่ละจังหวัดมี กรอ.จังหวัดอยู่แล้ว โดยมีผู้ว่าฯเป็นประธานโดยตำแหน่ง และภาคเอกชนเป็นรองประธาน แต่สถิติพบว่าประมาณ 29 จังหวัดไม่ค่อยจัดประชุม เฉลี่ยประชุมปีละไม่ถึง 2 ครั้งเมื่อนายกรัฐมนตรีมีแนวคิดฟื้นเชื่อว่าจะเห็นการประชุมและแก้ปัญหาที่ถูกสะท้อนออกมา ทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่มากยิ่งขึ้น อีกทั้งเสนอให้รัฐบาลรับทราบ ช่วยให้เกิดนโยบายหรือแนวทางดำเนินการใหม่ๆ เป็นการทำงานแบบบูรณาการ ประสานงานร่วมกันมากขึ้น
+++ว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมการกลางพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคกลาง หอการค้าไทย กล่าวว่า การประชุมหอการค้าจังหวัดภาคกลางวันที่ 17-18 ตุลาคม ที่หอการค้าจังหวัดปทุมธานี เพื่อนำเสนอให้รัฐเร่งผลักดันและช่วยเหลือ โดยมีเป้าหมายสร้างรายได้ท้องถิ่นเพิ่มขึ้น และเสนอที่ประชุมหอการค้าไทยทั่วประเทศประจำปี 2558 ปลายเดือนพฤศจิกายน ที่ จ.อุดรธานีเป็น เจ้าภาพจัดงาน
+++การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพวก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเป็นผู้ลงนามในคำสั่งทางปกครองเพื่อบังคับให้ชำระค่าเสียหาย ผู้ถูกฟ้องสามารถฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อเพิกถอนคำสั่งทางปกครองของนายกรัฐมนตรี แต่ในกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่จ่ายค่าเสียหายและไม่ยื่นฟ้องเพิกถอนคำสั่งทางปกครองของนายกฯว่า แน่นอนว่ายังสามารถบังคับคดีได้ ซึ่งเป็นกระบวนการของทางศาล ทั้งนี้คำสั่งทางปกครองของนายกรัฐมนตรี มีผลเหมือนกับศาลตัดสิน โดยมีกำหนดระยะเวลาตามปกติทั่วไปในการยึดทรัพย์หรือบังคับคดี
+++ปัญหาการรับมอบยางพาราในสต็อกของรัฐบาล จากที่บริษัท ไชน่า ไห่หนาน รับเบอร์ กรุ๊ป (สิงคโปร์) ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญากับองค์การสวนยาง(อ.ส.ย.) รับซื้อยางในสต็อกของรัฐบาล 2.08 แสนตัน สิ้นสุดสัญญาไปแล้วเมื่อวันที่ 21 ก.ย. แต่บริษัทรับมอบยางได้เพียง 1.9 หมื่นตัน ทำให้เหลือยางที่ยังไม่สามารถส่งมอบขณะนี้จำนวน 1.85 แสนตัน เนื่องจากมีความเข้าใจเรื่องของคุณภาพยางและการส่งมอบไม่ตรงกัน บริษัทไชน่า ไห่หนานฯ ได้ขอ กลับไปทำแผนการรับมอบยางพาราตาม สัญญาและกลับมาหารืออีกครั้งวันนี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า วันนี้บริษัท ไห่หนานฯ จะขอเข้าเจรจาเกี่ยวกับแผนการส่งมอบยางพาราอีกครั้ง เป็นการส่วนตัว ทั้งนี้จะต้องประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น จากกรณีที่ไม่รับมอบยางพารา จนทำให้เกิดความเสียหายกับไทย เบื้องต้นได้ประเมินแล้วว่า หากมีการหักค่าเสื่อมของยางพารา ราคาที่จะขายได้ก็สูงกว่าราคาตลาดแน่นอน
+++พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ผบ.ศปมผ.) ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ เรื่องความคืบหน้าการบริหารจัดการการแก้ปัญหาของ ศปมผ.และจะประชุมใหญ่ในวันนี้ โดย พล.ร.อ.ณะ จะเข้าประชุมในฐานะ ผบ.ศปมผ.เป็นครั้งแรก ภายหลังเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ทร.
+++เรื่องการท่องเที่ยว หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม 2559 เป็นวันหยุดราชการอีก 1 วัน เพื่อให้มีวันหยุดติดต่อกัน 5 วัน เนื่องจากวันที่ 19-20 กรกฎาคม 2559 เป็นวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เกี่ยวกับการดำเนินการยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ภายใต้ ท่องเที่ยวไทย เน้นคุณภาพ อย่างยั่งยืน ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลงมือปฏิบัติทันที วันนี้จะประชุมร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรมการท่องเที่ยว และสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อหารือถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวเดือนที่เหลือของปี 2558 และปี 2559 โดยฟังข้อเสนอแนะ มาตรการมัลติเพิลวีซ่า วีซ่าออนไลน์ รวมถึงแนวทางจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน โดยเฉพาะวันหยุดยาวตามเทศกาล เนื่องจาก ภาคเอกชนกังวลว่าคนไทยจะใช้โอกาสนี้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่าเที่ยวในประเทศ จะขอดูตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว เพื่อจะได้เปรียบเทียบ ปรับกลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวสำหรับตลาดคนไทย
+++หุ้นต่างประเทศ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 138.46 จุด ปิดที่ 17.050.75 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 17.60 จุด ปิดที่ 2,013.43 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 19.64 จุด ปิดที่ 4,810.79 จุด ส่วนราคาน้ำมัน น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.62 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.72 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 4.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,144.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงเทศกาลกินเจ ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดว่า มีมูลค่าการใช้จ่าย 42,209 ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อน ร้อยละ 2.9 ซึ่งเป็นมูลค่าสูงสุดตั้งแต่มีการสำรวจ เนื่องจากราคาสินค้าที่แพง และมีประชาชนเข้าร่วมกินเจมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องการให้รัฐบาลเข้ามาควบคุมราคาผักและอาหารเจให้เหมาะสม
+++ใกล้เทศกาลปีใหม่ มีการสำรวจตลาดในอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ ทั้งปฏิทิน สมุดจดบันทึก หรือไดอารี และบัตร ส.ค.ส. นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานและประธานคลัสเตอร์การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดคำสั่งพิมพ์ชะลอลงต่อเนื่อง จากปกติคำสั่งซื้อทยอยเข้ามาช่วงกลาง ก.ย.ของทุกปี แต่ปีนี้เพิ่งมีคำสั่งซื้อช่วง ต.ค. และมีจำนวนน้อยเฉลี่ยร้อยละ 30-40 หากเทียบกับทุกปีจะมีมากกว่าร้อยละ 60 เนื่องจาก ภาคธุรกิจตัดลดงบประมาณลง ทั้งนี้ ยอดคำสั่งพิมพ์ลดลงต่อเนื่องมา 5-6 ปีแล้ว เนื่องจากถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความสะดวกทั้งบัตรอวยพรในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในปัจจุบันมีเว็บไซต์เป็นจำนวนมากทั้งไทยและต่างประเทศ ที่ให้บริการส่ง e-card ในวาระหรือเทศกาลต่าง ๆ ที่แสนสะดวกสบาย ซึ่งมีทั้งแบบที่เสียค่าใช้จ่ายและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย รวมถึงการส่งข้อความผ่านช่องทางอื่น ๆ เช่น ข้อความผ่านมือถือ เฟซบุ๊ก ไลน์