ความคืบหน้าล่าสุดของเด็กหญิงที่ถูกกระสุนปืนปริศนาตกใส่รถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิแลนเซอร์ หมายเลขทะเบียน กฉ 4255 จันทบุรี บริเวณกระจกด้านซ้ายฝั่งผู้โดยสาร ขณะที่นางสาวฐิติยา สงฆ์รัตน์ อายุ 48 ปี ขับรถมาพร้อมกับเด็กหญิงวัย 14 ปี บุตรสาว กระสุนถูกบริเวณไหล่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่เด็กพยายามจะวิ่งข้ามถนนไปยัง โรงพยาบาลนพรัตนราชธานีแต่เกิดอาการหมดสติล้มลง เจ้าหน้าที่กู้ชีพจึงนำตัวส่ง โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี เหตุเกิดเมื่อคืนนี้
ล่าสุด พล.ต.ต.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวคนที่ก่อเหตุได้แล้ว เตรียมแถลงรายละเอียดเพิ่มเติมเวลา 10.00น. พรุ่งนี้ ที่บช.น.
มีรายงานระบุว่า กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ได้นำกำลังฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดรอบที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบหาจุดคนร้าย ซึ่งต้องกลับไปรวบรวมพยานวัตถุ พยานบุคคล ก่อนที่จะสรุปได้ โดยยังไม่ได้ระบุสาเหตุว่าเป็นการยิงจากเหตุใดกันแน่ อาจจะประสงค์ต่อคนอยู่ในรถคันนี้ หรือเป็นเหตุวัยรุ่นทะเลาะกันแล้วกระสุนพลาดไปโดนคนในรถเก๋ง ซึ่งต้องรอสอบพยานก่อน
ขณะที่ พลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าเยี่ยมอาการ ด.ญ.อานัตตา พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากพล.ต.ต.ศานิตย์ ว่าตำรวจพบเบาะแสสำคัญของกลุ่มบุคคลแล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ และมั่นใจว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้เร็วๆนี้ ส่วนสาเหตุยังไม่สามารถระบุได้ แต่เบื้องต้นจากการสอบถามครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บระบุว่าไม่มีความขัดแย้งกับกลุ่มใด พลตำรวจเอกพงศพัศ ระบุว่า การยิงปืนในที่สาธารณะ ถือว่าผิดกฎหมาย และจะต้องกำหนดมาตรการป้องกันเหตุอาชญากรรม ในพื้นที่นครบาล ที่มีมากกว่า 700 จุด และทั่วประเทศกว่า 4,500 จุด ด้วย และจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุของกองพิสูจน์หลักฐาน และสอบปากคำพยานแวดล้อม ยืนยันว่าขณะเกิดเหตุไม่มีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทในพื้นที่ แต่จากวิถีกระสุนพบว่าถูกยิงมาในแนวราบมุมเงยขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ทราบว่ามาจากด้านใด ด.ญ.อานัตตา เล่าถึงเหตุการณ์ว่าขณะที่รถกำลังชะลอตัวเพื่อที่จะกลับรถบริเวณจุดเกิดเหตุ ได้สังเกตเห็นกลุ่มวัยรุ่นคล้ายเด็กอาชีวะยืนอยู่ จนช่วงที่รถกำลังจะยูเทิรนได้ยินเสียงดังขึ้น แต่ไม่ทราบว่ากระสุนมาจากใครหรือทางไหน จนกระทั่งกระสุนทะลุกระจกมาถูกที่ไหล่
ส่วนอาการบาดเจ็บ นายแพทย์อุทัย ตันสลารักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี เปิดเผยว่า อาการคนไข้พ้นขีดอันตรายแล้ว สัญญาณชีพดีขึ้น รอยแผลที่ถูกกระสุนปืน ทะลุผ่านไหปลาร้าทะลุปอดซีกขวาไปค้างอยู่บริเวณกระดูกสะบักหลัง ในลักษณะ 45 องศาจากไหลปาร้า ทำให้เนื้อเยื้อของปอดมีการฉีกขาด การรักษาจะต้องให้เนื้อเยื่อทำการสมานตัวเข้าหากัน ขณะนี้จึงทำได้เพียง เจาะท่อเพื่อระบายเลือดและลมออกจากปอด คาดว่าจะต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 7 วัน ส่วนการผ่าตัดนำกระสุนออกมาจะต้องรอให้แข็งแรงกว่านี้ก่อน นายแพทย์อุทัย ยืนยันว่าแม้ตอนนี้กระสุนจะยังฝังอยู่บริเวณกระดูกสะบักหลัง ก็ไม่เป็นอันตราย และไม่ส่งผลกระทบในการหายใจ ซึ่งในอนาคตจะผ่าตัดนำออกหรือไม่ก็ได้ขึ้นอยู่กับตัวคนไข้ พร้อมกันนี้ยังเปิดเผยว่าผู้บาดเจ็บมีสภาพจิตใจเข้มแข็งมากขึ้น สามารถพูดจาตอบโต้ได้ตามปกติ
ผู้สื่อข่าว: พนิตา สืบสมุทร