การรายงานตัวสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จำนวน 200 คน วันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว โดยเช้านี้มีผู้มารายงานตัว ได้แก่ นายศิริชัย ไม้งาม อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายวิทยา แก้วภราดัย แกนนำกลุ่ม กปปส. และนายต่อพงศ์ เสลานนท์ นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลเรือเอกจิรพัฒน์ ปานสกุณ เจ้ากรมสรรพาวุธทหารเรือ นายอิศรา ศานติศาสตร์ อาจารย์จากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะที่เมื่อวานนี้มีผู้มารายงานตัว 79 คน
นายศิริชัย เปิดเผย ความพร้อมที่จะเข้ามาปฏิรูปประเทศ ซึ่งในอดีตตัวเองจับประเด็นเรื่องการปฏิรูปประเทศมาโดยตลอด หากบ้านเมืองไม่ปฏิรูป ก็เหมือนติดหล่ม โดยการเข้ามาทำหน้าที่สปท. จะเน้นในเรื่องความเหลื่อมล้ำ ความเป็นธรรม รวมทั้งจะเน้นและผลักดันเรื่องแรงงานทั้งระบบ สำหรับประเด็นเรื่องการปรองดอง ตัวเองเห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว เพราะประเทศชาติจะเดินหน้าไปพร้อมกับความขัดแย้งไม่ไได้ และพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนพูดคุยกับทุกกลุ่ม
ด้านนายวิทยา กล่าวว่า การเข้ามาทำหน้าที่ สปท. เป็นพันธกิจต่อเนื่อง จากการเคลื่อนไหหวของกปปส. หากประเทศไทยไม่มีการปฏิรูป ก็จะเกิดการเลือกตั้งแบบเดิม ให้คนที่มีออำนาจ คนทุจริต ใช้เงินเข้ามาเลือกตั้ง และประเทศไทยก็จะตกอยู่ในสภาวะแบบเดิม โดยเรื่องแรกที่จะต้องดำเนินการก่อนการเลือกตั้ง คือ จะทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อได้ว่าเลือกตั้งครั้งต่อไป จะไม่มีการซื้อเสียง จะไม่ให้คนไม่ดีเข้ามาในสภา และจะไม่ให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นแบบเดิม ซึ่งตัวเองจะเน้นหนักในเรื่องประชาธิปไตย ซึ่งประชาธิปปไตยไม่ใช่การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน สำหรับประเด็นเรื่องการปรองดอง ตัวเองเห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว แต่การปรองดองนั้นจะต้องทำอยู่ในกรอบกติกาที่ได้กำหนดไว้ ขณะที่ประเด็นการนิรโทษกรรมและการเปิดคาสิโน ขออย่าไปเน้นเรื่องนั้น เพราะการปฏิรูปประเทศยังมีอีกหลายอย่าง เช่น การศึกษา วัฒนธรรม
ส่วนเรื่องความคิดเห็นเกี่ยวกับประธาน สปท. นายวิทยา กล่าวว่า จะเป็นใครก็ได้ที่สามารรถประสานกำกับการประชุม เพราะประธานไม่จำเป็นต้องทำอะไรมาก แค่ดำเนินการปประชุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยไม่ต้องกำหนดว่าจะต้องเป็นทหาร หรือนักการเมือง เพราะไม่ใช่ตำแหน่งเฉพาะอย่างเช่นนายกรัฐมนตรี
ส่วนคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีตัวแทนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ามาร่วมด้วยนั้น จะส่งผลดีในเรื่องการใช้ประสบการณ์แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทั้งในเรื่องการเลือกตั้ง ที่มีการทุจริต กันมาก โดยจะนำประสบการณ์เหล่านี้มาวางแนวทางป้องกันได้
ส่วนในเวลา 13.30 น. จะมีการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ซึ่งเมื่อวานนี้ที่ประชุมกรธ. ก็ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 2 คณะ คือ คณะทำงานศึกษาฝ่ายโครงสร้างนิติบัญญัติและคณะทำงานศึกษาโครงสร้างฝ่ายบริหาร ซึ่งจะมีหน้าที่ศึกษาข้อดี ข้อเสียของปัญหาในอดีต และระบบการเมืองในต่างประเทศ และการรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานต่างๆ และจะสรุปข้อมูลให้ได้ภายใน 1 เดือน เพื่อนำมาเป็นข้อมูลการประกอบร่างรัฐธรรมนูญต่อไป