ภายหลังการตรวจเยี่ยมศูนย์ซ่อมรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ และมอบนโยบายแก่ผู้บริหารบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จํากัด (รฟท.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ได้มอบนโยบายเรื่องการทำงานก็ให้แก่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จํากัด ไว้ 4เรื่องหลัก คือ ให้มีการพัฒนาปรับปรุงเรื่องการบริการ ตามสถานี รวมถึงการพัฒนาบุคลากรขององค์กร และพัฒนาเสริมสร้างองค์ความรู้ให้มากขึ้น รวมถึงให้แอร์พอร์ต เรล ลิงค์เตรียมการรองรับการให้บริการในอนาคตซึ่งนอกจากจะขนส่งคนเข้าเมืองหลวงแล้ว ในอนาคตจะต้องรองรับการขนส่งคนระหว่างเมืองด้วย
ส่วนการบริหารงานขณะนี้แอร์พอร์ต เรล ลิงค์ ยังเป็นบริษัทลูกของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศ(รฟม.) ก็ต้องดูว่าจะต้องดำเนินการในอนาคตหลังจากแยกออกไป จะบริหารงานอย่างไรให้ รฟม.ต่อไป แต่ถึงอย่างไรเมื่อแยกออกมาในส่วนของรายได้ รฟม.ก็ยังคงต้องจัดสรรให้ในอนาคต ซึ่งการแยกนี้จะแล้วเสร็จช่วงกลางปีหน้า
ขณะที่ในส่วนของแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ ที่ให้บริการวิ่งจากสุวรรณภูมิ-พญาไท ขณะนี้ใช้การได้ 7ขบวน และอยู่ระหว่างซ่อมแซม 2ขบวน ซึ่งจะเร่งซ่อมเสร็จในเดือนเม.ย. 2559 แต่จากการให้บริการในปัจจุบันที่มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น เฉลี่ยวันละกว่า 6หมื่นคน และในปี 2561คาดว่าผู้ใช้บริการจะเพิ่มถึง 120,000คนต่อวัน จึงต้องมีการจัดซื้อขบวนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ เพิ่มเติม
ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย รฟท. ชี้แจงถึงการเตรียมที่จะจัดซื้อรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ 7 ขบวนรวม 28 ตู้ ว่า ภายหลังจากมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมติให้จัดซื้อเมื่อปี 2556 รฟม.ก็ดำเนินการเรื่อยมา ซึ่งงบประมาณในการจัดซื้อตั้งไว้ที่ 4,800ล้านบาท แบ่งเป็นสัญญาระบบตัวรถ 4,400ล้านบาท และอะไหล่สำรอง 400ล้านบาท ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ แต่ในส่วนที่มีข้อสงสัยในเรื่องข้อกำหนด ที่มีข่าวว่า พื้นที่บนตัวรถ 1ตารางเมตร จะต้องมีที่ยืนให้ได้ถึง 10คน เป็นเพียงเกณฑ์ที่คำณวนจากน้ำหนักเพลาซึ่งจะสามารถรับน้ำหนักได้ แต่ข้อกำหนดการจัดซื้อจริงๆแล้ว 1ตารางเมตร กำหนดพื้นที่ 6คน
ส่วนระบบขับเคลื่อนที่มีในส่วนหัว และท้ายขบวน ที่มีข่าวว่าถ้าส่วนไหนเสียการทำความเร็วจะต้องให้คงที่ ที่160กิโลเมตร ต่อชั่วโมงเท่าเดิม ชี้แจงว่า ไม่ได้มีการกำหนดว่าถ้าเครื่องใดเสียความเร็วจะต้องคงอยู่ที่ 160กม./ชม ขณะที่เรื่องราคาที่ว่าการจัดซื้อรถแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ 7ขบวนนี้ของไทย ราคาต่างกับที่มาเลเซีย ถึง พันกว่าล้าน ชี้แจงว่า ที่ต่างเพราะราคานั้น มาเลเซีย ซื้อแต่เฉพาะตัวรถเท่านั้น
ส่วนไทยซื้อระบบภายในด้วย เช่น กล้องวงจรปิด ,สัญญาณ Wifi เป็นต้น ยืนยันว่า การจัดซื้อครั้งนี้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ทั้งนี้ ขั้นตอนหลังจากตกลงศึกษาเรื่องการจัดหาขบวนรถได้แล้ว รฟท. ก็จะส่งเรื่องให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อขออนุมัติในเรื่องงบประมาณต่อไป จากนั้น คาดว่า จะสามารถลงนามจัดซื้อได้ช่วงปลายเดือน ธ.ค.2558 นี้ และจะนำรถเข้ามาหลังจากนี้ 24เดือน หรือราวปี2561
ผู้สื่อข่าว:วิรวินท์ ศรีโหมด