รอบข่าวครึ่งวัน:ฝากขังผัด2อาเดม-ยูซุฟู/พล.อ.จิระหนุน ยุทธศักดิ์เป็นปธ.สปท./เพิ่มโทษเบี้ยวค่าปรับ*

07 ตุลาคม 2558, 13:31น.


ข่าวเที่ยงครึ่งวัน 12.30 น.



+++วันนี้  พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวนายอาเดม คาราดัก และนายไมไรลี ยูซูฟู ผู้ต้องหาลอบวางระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์และท่าน้ำสาทร มาขออำนาจศาลทหารฝากขัง ผัด2 หลังจากครบฝากขังผัดแรก 12 วันไปแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารจากสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.)ดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ทหารขึ้นไปดูแลความเรียบร้อบบนชั้นดาดฟ้าของศาลด้วย สำหรับสภาพอาเด็มวันนี้ยังนิ่ง ผอม เพลีย ตาพร่า เดินสะดุด (CR:คุณมรกต)



+++ หลัง ศาลอาญาไม่รับฟ้องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยื่นฟ้องอัยการสูงสุดกับพวก นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทราบถึงคำสั่งของศาลแล้ว น.ส. ยิ่งลักษณ์ ยืนยันที่จะใช้สิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลอาญาต่อศาลอุทธรณ์ต่อไป พร้อมย้ำว่า  รู้สึกเสียดายโอกาสที่ไม่ได้นำพยานหลักฐานสำคัญๆ เสนอต่อศาลในชั้นพิจารณาคดีของศาลอาญา เช่น หลักฐานการนัดประชุมของคณะกรรมการร่วมระหว่างฝ่าย ป.ป.ช. กับฝ่ายอัยการสูงสุด  



+++พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีเสียงสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งประธาน สปท. ว่า ยังไม่ทราบเรื่อง และไม่มีการทาบทามหรือพูดคุยใด ๆ และส่วนตัวเห็นว่าควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เนื่องจากเกรงว่าตนอาจไม่มีความสามารถเพียงพอ และเห็นว่ามีอีกหลายคน ทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ ที่มีความเหมาะสมสามารถดำรงตำแหน่งประธาน สปท. ได้ อาทิ นายชัย ชิดชอบ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ นายวิรัช ชินวินิจกุล แต่ส่วนตัวสนับสนุน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เนื่องจากมีความสามารถ มีประสบการณ์ จึงเชื่อว่าจะสามารถทำงานในตำแหน่งดังกล่าวได้เป็นอย่างดี



+++นายสุชน ชาลีเครือ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้เข้ารายงานตัวเป็นสมาชิก สปท. พร้อมแสดงหลักฐานเอกสารการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยต่อสื่อมวลชน มองว่า  เรื่องการปรองดองสมานฉันท์ เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน ที่ทุกคนต้องร่วมมือกันขับเคลื่อน ไม่เช่นนั้นประเทศจะไปต่อไม่ได้ ดังนั้นต้องมีเวทีพูดคุยเรื่องนี้ และไม่อยากให้มองว่าเป็นฝ่ายใด ทั้งนี้ไม่ได้พูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนมารับตำแหน่งหรือไม่ แต่เชื่อว่านายทักษิณปรารถนาเรื่องความปรองดอง ล่าสุดมีสปท.รายงานตัวแล้ว 75 คน



+++พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พร้อมผู้บริหาร รฟม. เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้างานก่อสร้างรื้อย้ายสะพานข้ามแยกเกษตร โดยผู้รับเหมาก่อสร้างยืนยันว่าการดำเนินการจะเสร็จตามแผนภายใน 2 เดือน หรือวันที่ 8 พฤศจิกายน 2558  ส่วนที่จะปิดสะพานข้ามแยกรัชโยธิน กทม.จะส่งมอบพื้นที่ภายในเดือนตุลาคมนี้ หลังจากนั้นผู้รับเหมา ก่อสร้างจะเข้าพื้นที่เพื่อรื้อย้ายสาธารณูปโภคบนพื้นราบใช้เวลา 4-6 เดือน และจะใช้เวลารื้อย้ายสะพานข้ามแยกรัชโยธินประมาณ 2 เดือน ซึ่งอาจจะใช้เวลานานกว่าจุดอื่นตามแผนงานที่ กทม.เห็นว่าการแก้ปัญหาจราจรบริเวณแยกรัชโยธินจำเป็นต้องสร้างอุโมงค์ทางลอด เพื่อให้การจราจรคล่องตัวมากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 2 ปี เพื่อปิดและก่อสร้างอุโมงค์ ส่วนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสีเขียวเหนือ คาดว่างานโยธาจะเสร็จภายในปี 2563 และสามารถเปิดเดินรถได้ภายในปี 2564 สำหรับ การรื้อย้ายสะพานข้ามแยกเกษตรทางผู้รับเหมาดำเนินการฝั่งกรมป่าไม้ โดยยกชิ้นส่วนสะพานออกก่อนไปดำเนินการฝั่งตรงข้ามที่มุ่งหน้ารัชโยธิน ส่วนการปิดแยกเพื่อรื้อย้ายชิ้นส่วนสะพานที่มีขนาดใหญ่ผู้รับเหมาจะดำเนินการช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคมนี้ เพื่อลดผลกระทบด้านจราจร



+++หลังถูกเบี้ยวหนี้ มานาน วันนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ได้จ้างบริษัทติดตามหนี้ ทำให้ได้เงินคืนกว่า 3,500 ล้านบาท ต่างจากปีก่อน ที่ได้คืนมาเพียง 800 ล้านบาท เหตุผลที่ลูกหนี้ไม่จ่ายคืน เนื่องจากมีรายได้ไม่พอใช้ บางคนคิดว่าไม่คืนก็ไม่เป็นไร



+++นางรื่นวดี  สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดีเปิดเผยว่า ต่ปีนี้ กยศ.ปรับเกณฑ์ผู้ขอกู้ต้องมีเกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.00 และทำกิจกรรมจิตอาสาไม่น้อยกว่า 36 ชั่วโมง หวังคัดกรองผู้กู้ให้มีจิตสำนึกใช้หนี้คืน ล่าสุด จัดโครงการให้ลูกหนี้สามารถชำหนี้ผ่านการหักบัญชีเงินเดือนได้ มีข้อมูลว่าตั้งแต่ปี 47 มีผู้ถูกฟ้องร้องไปแล้วกว่า 500,000 ราย แต่เงินที่ได้คืนกลับไม่คุ้มค่ากับการต่อสู้คดีที่ กยศ.ต้องจ่ายไป ซึ่ง กยศ.และกรมบังคับคดีจะจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคมนี้ ซึ่งคาดว่าวิธีนี้จะได้ประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายมากที่สุด



+++หลังกรมการขนส่งอนุญาตให้รถที่ไม่จ่ายค่าปรับ ต่อภาษีรถยนต์ได้ตามกปกติ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.)เปิดเผยว่าบช.น.ได้เสนอขอแก้ไขพ.ร.บ.จราจรทางบก2522 มาตรา141โดยเพิ่มอัตราโทษดังนี้หากกระทำผิดกฎจราจรและถูกออกใบสั่งแต่ไม่ยอมจ่ายค่าปรับภายใน7 วันจะต้องเสียค่าในอัตรา400-1,000 บาทและหากภายใน 90วันไม่มาเสียค่าปรับก็เพิ่มค่าปรับเป็น1,000-5,000บาท ทั้งนี้หากไม่มาจ่ายค่าปรับภายใน180 วัน(6เดือน)จะมีโทษจำคุกไม่เกิน3 เดือนปรับไม่เกิน 20,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับจากกฎหมายเดิมที่มีโทษปรับไม่เกิน1,000 บาท



ขณะนี้ได้ส่งเรื่องขอแก้ไขกฎหมายไปยังสตช.เพื่อพิจารณาและส่งรายละเอียดไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อให้พิจารณาต่อไปทั้งนี้หากกฎหมายดังกล่าวแก้ไขได้สำเร็จก็จะส่งผลให้การบังคับใช้กฎหมายและการออกใบสั่งของเข้าหน้าที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นและ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้ไม่ต้องประสานไปยังกรมการขนส่งทางบกเพื่อขอให้อายัดการต่อทะเบียนและชำระภาษีอีกทั้งจะส่งผลให้การทำงานรวดเร็วและลดขั้นตอนลงด้วย



 

ข่าวทั้งหมด

X