หลังจากที่มติของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง ก.ศป. มีมติ 6:0ให้นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ออกจากราชการและพ้นจากตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด จากกรณีจดหมายสนันสนุนฝากตำรวจของเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง นายหัสวุฒิ เดินทางมาที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อมาร้องขอความเป็นธรรมกับนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. ซึ่งภายหลังเข้าพบอดีตประธานศาลปกครองสูงสุด เปิดเผยว่า ที่มาร้อง ป.ป.ช.ในวันนี้เนื่องจากไม่ได้กระทำผิดตามในที่จดหมายน้อยระบุ ซึ่งไม่มีหลักฐานยืนยันว่ากระทำผิด แต่ ก.ศป.กลับมีมติว่าส่วนตัวผิดเพราะไม่รักษาชื่อเสียงขององค์กร จึงต้องมาเรียกร้องขอให้ ป.ป.ช. ช่วยตรวจสอบการทำงานของ ก.ศป.และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องที่พิจารณาและมีมติลงโทษในครั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย ที่ปกครองด้วยกฎหมาย ถ้าใช่อำนาจดุลยพินิจของคนกลุ่มหนึ่งมาวินิจฉัย ซึ่งไม่ใช่กฎหมายถือว่าไม่ถูกต้อง พร้อมกันนี้มองว่าคำสั่งของ ก.ศป.ที่ตัดสินไม่มีพยานหลักฐาน
ส่วนการสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรณีจดหมายน้อย ซึ่งทุกคนก็ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จึงเป็นสาเหตุที่ส่วนตัวต้องเดินทางมาเรียกร้องความเป็นธรรมกับ ป.ป.ช.ในวันนี้และจะเดินไปเรียกร้องด้านกฎหมายกับที่อื่นๆต่อไป
อย่างไรก็ตาม กรณีจดหมายน้อยนี้ ระบุว่านายหัสวุฒิมีความประสงค์ที่จะสนับสนุน พันตำรวจโท ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงกุล รอง ผกก.ป.สน.หัวหมากในขณะนั้น ซึ่งเป็นเพื่อนกับหลานชายเพื่อให้ได้รับการเลื่อนขั้นในตำแหน่งที่สูงขึ้น และมีเรื่องอื่นที่เกี่ยวการใช้งบประมาณที่ไม่โปร่งใสในการเดินทางไปเป็นประธานในพิธีอันเชิญยอดฉัตรทองคำ ลูกแก้วมงคลนิมิต ที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับการไปปฏิบัติราชการที่จังหวัดพิษณุโลก
ผู้สื่อข่าว: วิรวินท์ ศรีโหมด