การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เห็นชอบคงราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจี เดือนตุลาคม 2558 คงเดิมที่ 22.29 บาท/กก. โดยปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของก๊าซแอลพีจี ลง 0.8435 บาท/กก. จากเดิม 0.9262 บาท/กก. เป็น 0.0827 บาท/กก. โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ จะทำให้กองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของก๊าซแอลพีจี มีรายจ่าย 54 ล้านบาท/เดือน
ที่ประชุมฯ เห็นชอบแนวทางการปรับอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันแก๊สโซฮอลให้อยู่ระดับที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมการใช้เอทานอล โดยเพิ่มแรงจูงใจการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 และ E85 มากขึ้น ดังนี้ แก๊สโซฮอล E20 ปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ 0.50 บาท/ลิตร จากชดเชย 1.90 บาท/ลิตร เป็น 2.40 บาท/ลิตร และแก๊สโซฮอล E85 ปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ 2.00 บาท/ลิตร จากชดเชย 7.23 บาท/ลิตร เป็น 9.23 บาท/ลิตร มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม นี้เป็นต้นไป คาดว่าจะส่งผลให้ราคาขายปลีกของ E20 และ E85 สามารถปรับลดลงได้ประมาณ 0.50 บาท/ลิตร และ 2 บาท/ลิตรตามลำดับ ทำให้ราคา E20 อยู่ที่ประมาณ 24.48 บาท/ลิตร E85 อยู่ที่ประมาณ 20.48 บาท
สำหรับการปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยราคาแก๊สโซฮอล E20 และ E85 ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น จากเดือนละ 62.2 ล้านบาท เป็น 76.62ล้านบาท ทำให้สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบันอยู่ที่ 43,612 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนแอลพีจี 8,221 ล้านบาท และน้ำมัน 35,391 ล้านบาท
CR:แฟ้มภาพ