*รอบวัน:ล่าตัวอ๊อด พยุงวงศ์ /ฟิทช์ลดGDPไทย ส่งสัญญาณลดเครดิต/เงินเฟ้อทรุดเดือนที่9

02 ตุลาคม 2558, 08:12น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.



++++ความคืบหน้าเหตุระเบิดราชประสงค์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการติดตามตัวนายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว ผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการก่อเหตุระเบิดแยกราชประสงค์และท่าน้ำสาทร ว่ายังอยู่ระหว่างติดตามตัวและประสานข้อมูลกับทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เวลาดำเนินการ 3-4 วัน เนื่องจากนายอ๊อดเป็นบุคคลสำคัญในเรื่องนี้ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ติดตามลงพื้นที่ไปตรวจสอบบ้านพักของนายอ๊อดและสอบปากคำบุคคลใกล้ชิดแล้ว



++++พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทนผู้ช่วยผบ.ตร. เปิดเผยถึงการติดตามตัวนายอ๊อด พยุงวงศ์ ว่า หลังจากสั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวนไปสอบปากคำญาติ คนใกล้ชิด และมารดาของนายอ๊อด รวบรวมข้อมูลหาเบาะแสเพิ่มเติมเบื้องต้นได้ข้อมูลมาเรียบร้อยแล้ว โดย พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.ตลาดพลู สอบปากคำมารดาของนายอ๊อด แต่ไม่ได้เลขบัตรประชาชน 13 หลักเหมือนเดิม เพราะมารดาของนายอ๊อด ยืนยันว่านายอ๊อดไม่มีเลขบัตรประจำตัวประชาชน



+++ต่อมาพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าติดตามตัวนายอ๊อด พยุงวงศ์ ว่านายอ๊อดเป็นเพียงผู้ร่วมขบวนการ ไม่ได้เป็นตัวการใหญ่ เป็นผู้จัดหาของ ไม่ได้เป็นคนสำคัญในการดำเนินการ เมื่อออกหมายจับ 17 คน ทุกคนจะให้ความสนใจนายอ๊อด เพราะว่านายอ๊อดเป็นคนไทย ส่วนจะเป็นประเด็นการเมืองหรือไม่ จะต้องสืบให้ทราบแน่ชัดอีกที ว่ามีความเกี่ยวข้อง เชื่อมโยงอย่างไรกับเหตุระเบิดที่สมานเมตตาปี 2553 และเหตุระเบิดย่านมีนบุรี ปี 2557 ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนในเรื่องประเด็นการเมือง



++++แหล่งข่าวจากชุดสืบสวน เปิดเผยว่าชุดสืบสวนตำรวจและทหารเดินทางไปที่สถานสงเคราะห์คนชราบ้านบางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อพบกับนางอนงค์ พยุงวงศ์ มารดาของนายอ๊อด โดยนางอนงค์ อ้างว่าไม่ได้ติดต่อกับบุตรชายมานานกว่า 5 ปี แล้ว โดยก่อนการขาดการติดต่อบุตรชายจะส่งเงินให้ใช้เป็นประจำ ซึ่งตอนไปคลอดนายอ๊อด ไม่ได้ไปแจ้งต่อพนักงานทะเบียนราษฎร์ จึงทำให้นายอ๊อดไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนและเลข 13 หลัก เมื่อโตขึ้นนายอ๊อดได้ออกไปเร่ร่อนยึดอาชีพขับสามล้อหาของเก่าขายและรับจ้างทั่วไปอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ต่อมามีภรรยาซึ่งมีลูกชายติดมาด้วย 1 คน หลังจากนั้นมีบุตรสาวด้วยกัน 1 คน



+++ขณะเดียวกันชุดสืบสวนไปตรวจสอบข้อมูลที่โรงพยาบาลศิริราช หลังจากที่นางอนงค์ให้ข้อมูลว่าไปคลอดบุตรชายที่โรงพยาบาลดังกล่าวเมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่านางอนงค์ น่าจะไปแจ้งเกิดและนายอ๊อดอาจมีเลขประจำตัว 13 หลัก แต่เมื่อถึงอายุที่ต้องทำบัตรประชาชน นายอ๊อดอาจไม่ได้ไปทำบัตรประชาชน จำเป็นต้องหาข้อมูลเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่านายอ๊อดคือคนไทย          อย่างไรก็ตามข้อมูลเก่าที่มีอายุหลายสิบปีมาแล้วอาจทำลายหรือเก็บไว้ยังไม่ชัดเจน ต้องใช้เวลาค้นหาเอกสารดังกล่าว ส่วนสำเนาใบสูติบัตร หากเกินเวลา 2-3 ปีจะรวบรวมไปให้กับสำนักงานเขตเก็บไว้



+++สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยภายหลังปิดคดีวางระเบิดที่แยกราชประสงค์นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันว่า ถึงเดือน ต.ค. มีนักท่องเที่ยวเข้ามา 29 ล้านคน ถือว่าเข้าเป้าหมายแล้ว หรือถ้าจะนับรายได้จากต้นปีถึงสิ้นปีนี้เงินไหลเข้าประมาณ 2 ล้านล้านบาททำได้แน่ ซึ่งทุกคนได้มีความพยายามให้ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม



+++บริษัทจัดอันดับเครดิต ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของไทยลงมาอยู่ที่ร้อยละ2.7 ในปีนี้ และร้อยละ  3.5  ในปี 2559 พร้อมส่งสัญญาณว่า หากไทยไม่สามารถเร่งการเติบโตเศรษฐกิจได้ ก็อาจเสี่ยงต่อการทบทวนเครดิตในอนาคต



+++นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวหลังเข้ารับตำแหน่งและเดินทางมากระทรวงวันแรกว่า จะดำเนินการให้มีวินัยการเงินการคลังที่เหมาะสม และการกำหนดกรอบนโยบายต่างๆ กระทรวงการคลังต้องเป็นทั้งกระทรวงหลักและกระทรวงสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ดีนัก ให้สอดคล้องกับนโยบาย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง   -ขณะนี้ ภาคเอกชนยังชะลอการลงทุนด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ดังนั้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อกระตุ้นให้เอกชนดึงเงินมาลงทุนในทันที  



+++ส่วนเรื่องมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่ารอให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เร่งสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยจะเน้นการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อย และที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิเสธการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ กระทรวงการคลังจะมีการเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาเห็นชอบมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ภายในสัปดาห์หน้า เบื้องต้นคาดว่าจะลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือร้อยละ 0.01  ของราคาประเมิน จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ2 ขณะที่ค่าจดจำนองอยู่ที่ร้อยละ1 ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน



+++เงินเฟ้อเดือน ก.ย. ลดลง 1.07% ทรุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 เหตุน้ำมันร่วง ยังเป็นตัวฉุดหลัก พาณิชย์ย้ำอีก ยังไม่เกิดภาวะเงินฝืด ปรับใหม่! คาดปีใหม่ลบ 1% ถึงลบ 0.2% เป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 6 ปี     นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า  ปัจจัยหลักๆ ยังคงอยู่ที่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเดือน ก.ย.เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ลดลงถึง ร้อยละ23.58



+++วันนี้   ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีดำ อ.55/55 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา3 เป็นโจทก์ฟ้องนายประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซี๊ยะ ผู้กว้างขวางใน จ.กาญจนบุรี เป็นจำเลย กรณีเมื่อปี 33-47 จำเลยได้บุกรุกที่ดินใน จ.กาญจนบุรี และจังหวัดใกล้เคียง ที่ ห้อง901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก คดีนี้ ศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 1 ปี แต่อาจเลื่อนฟังคำพิพากษา เนื่องจาก ก่อนหน้านี้กำนันเซี๊ยะ ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์กระดูกซี่โครงหัก



+++9.00 น. ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีดำ อ.1191/57 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ4 เป็นโจทก์ฟ้องนายสนธิญาน ชื่นฤทัยในธรรม กับพวกรวม 4 คน เป็นจำเลยฐานร่วมกันเป็นกบฏ ที่ ห้อง902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก



++++10.30 น. ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นัดรวมตัวพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ในเรื่องของการรณรงค์ต่อต้านการยกเลิกเปอร์เซ็นต์นำจับใบสั่งจราจร และเรื่องอื่นๆ ที่ ห้องสื่อมวลชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ   ด้าน พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร(รองผบก.จร.) กล่าวว่า หากประชาชนมีความเห็นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจราจรไม่ควรจะได้รับส่วนแบ่งใบสั่ง ภายหลังจากที่หักส่งหน่วยงานท้องถิ่นนั้น ก็เป็นส่วนที่ต้องมีการแก้ไขกฎหมาย เป็นอำนาจของทางรัฐบาลจะพิจารณา ยืนยันว่า บช.น.ไม่ได้นิ่งนอนใจ อย่างไรก็ตามทางตำรวจ อยากขอความร่วมมือกับประชาชน โดยหากพบเห็นการตั้งตรวจที่ไม่เหมาะสม มีเจ้าหน้าที่เพียง 2-3คน และไม่มีนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรควบคุม สามารถถ่ายรูปและส่งรูปมายังเว็ปไซต์ตำรวจจราจร www.trafficpolice.go.th หรือสามารถแจ้งเรื่องมายังสายตรวจจราจร 1197 ได้ตลอดเวลา



+++หลังนายคีรีรัก สมณะบารมี หรือ "มิตร มิตรชัย" อายุ 21 ปี พระเอกลิเกเงินล้าน น้องชายคนเล็กของ เอ-ไชยา มิตรชัย และแอน มิตรชัย เข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เพื่อขอคำปรึกษาข้อกฎหมายกรณีที่ถูก พ.ต.อ.ปจภณ รอดโพธิ์ทอง ผกก.ฝ่ายสวัสดิการบ้านพักตำรวจ ข่มขู่บังคับให้ยอมรับสภาพหนี้จำนวน 35 ล้านบาท ซึ่งต่อมาเมื่อพ.ต.อ.ปจภณ ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายคีรีรักในข้อหาหมิ่นประมาทเช่นกัน  ส่วนวานนี้ นายมิตร มิตรชัย ติดภารกิจขอเลื่อนนัดให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน  ด้าน น.ส.ปุ้ย เจ้าของกิจการสารหล่อลื่นในโรงงานอุตสาหกรรม ยืนยันว่าเป็นการคบกันแบบแฟน ไม่ได้เป็นการคบกันแบบแม่ยกมาติดพันพระเอกลิเก มีการวางแผนที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน สำหรับเงิน 35 ล้านที่โอนให้นายคีรีรักนำไปลงทุนนั้น เป็นเงินที่หลายคนร่วมลงทุน ไม่ใช่เงินส่วนตัวทั้งหมด ซึ่งในส่วนของเงินที่ให้ไปด้วยความเสน่หาด้วยความรักนั้น ไม่ได้เรียกร้องที่จะเอาคืน จึงพยายามเจรจากับนายคีรีรักเพื่อให้เซ็นยินยอมรับสภาพหนี้สิน โดยที่ไม่ได้มีการข่มขู่แต่อย่างใด แค่อยากได้เงินคืนและไม่อยากที่จะให้เป็นเรื่องราว เพราะไม่ต้องการให้เกิดการฟ้องร้อง จะทำให้นายคีรีรักเสียชื่อเสียงและขาดรายได้ จนไม่สามารถนำเงินมาใช้หนี้ได้

ข่าวทั้งหมด

X