*รอบโลก:พันธมิตรซาอุฯปัดไม่ได้ยิงจรวดโจมตีเยเมน/จีนชนะประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงในอินโดฯ*

30 กันยายน 2558, 05:31น.


+++ความรุนแรงพายุไต้ฝุ่นตู้เจวียน พัดถล่มมณฑลฝูเจี้ยน ทางตะวันออกของประเทศจีน ทั้งฝนตกและลมแรง  มีการเผยแพร่คลิปแสดงให้เห็นความเสียหายจากความเร็วและกระแสแรงลมที่พัดผ่านบนท้องถนนทำให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต้องหยุดนิ่งเพื่อบังคับรถ ซึ่งบางรายถึงกับทนความแรงของพายุไม่ไหวปลิวล้มไปทั้งรถทั้งคน รวมทั้งกระจกที่มีความหนาและแข็งแรงยังถูกแรงลมพัดแตกกระจาย แต่ไม่มีรายงานเรื่องการเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ต่อมาพายุเริ่มอ่อนกำลังลงเหลือ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุเคลื่อนไปถึงมณฑลเจียงซี



+++ก่อนหน้านี้ อิทธิพลของพายุพัดถล่มไต้หวัน มีคนเสียชีวิต 2 ศพ บาดเจ็บ 324 คน ประชาชนกว่า 1 ล้านคนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ และอีกหลายแสนคนไม่มีน้ำประปาดื่ม



+++ส่วนที่ญี่ปุ่น ได้รับความเสียหายจากพายุตู้เจวียนเช่นกัน เจ้าหน้าที่ของจังหวัดโอกินาว่าของญี่ปุ่น เร่งตรวจสอบความเสียหาย เนื่องจากลมพัดแรงเกือบ 292 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากมีรายงานความเสียหายของอาคารบ้านเรือนต่างๆ ที่อยู่ภายใน จ.โอกินาว่า รวมทั้งมีรายงานเสาไฟฟ้าล้มอย่างน้อย 40 ต้น 



+++สำนักงานบริหารจัดการพิบัติภัยแห่งชาติของอินโดนีเซีย ออกแถลงการณ์ระบุว่าได้ส่งกำลังพลเกือบ 21,000คนเข้าไปช่วยดับไฟป่าบนเกาะต่างๆทางตอนเหนือของอินโดนีเซียแล้วเพราะกลุ่มหมอกควันที่เกิดจากไฟป่าได้ลุกลามเข้าไปทั่วภูมิภาคไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์,มาเลเซียและตอนเหนือของอินโดนีเซียโดยเฉพาะสิงคโปร์ กลุ่มหมอกควันอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้ว



+++ปัญหาหมอกควันนี้เกิดขึ้นทุกปีเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมและกระทบต่อการสัญจรทางอากาศแต่ทางการอินโดนีเซียก็ล้มเหลวมาโดยตลอดเช่นกัน แถลงการณ์ระบุอีกว่ามีชาวอินโดนีเซียกว่า 1 แสน 35,000คน มีปัญหาเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจเพราะปัญหาหมอกควัน ภารกิจเร่งด่วนในขณะนี้คือการตรวจสุขภาพของประชาชนในพื้นที่



+++นายฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีกลาโหมของมาเลเซีย กล่าวว่ารัฐบาลมาเลเซียยินดีจะช่วยเหลืออินโดนีเซียในการดับไฟป่า สาเหตุของปัญหาหมอกควันที่แผ่ปกคลุมไปยังประเทศเพื่อนบ้าน  เขาจะหารือรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ในเรื่องแผนปฏิบัติการ การแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดนจำเป็นต้องระดมความร่วมมือในระดับภูมิภาค ไม่ใช่ปัญหาระดับทวิภาคี หรือไตรภาคีระหว่างอินโดนีเซีย สิงคโปร์และมาเลเซีย โรงเรียนในประเทศมาเลเซียสั่งปิดต่อเนื่อง



+++ในสิงคโปร์ ประชาชนที่สัญจรไปมาต้องสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งต้องปฏิบัติอย่างนี้มาสองสัปดาห์แล้ว



+++ไปที่เนปาล นายโมฮาน สัปโกตา โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวของเนปาล แถลงว่า รัฐบาลเนเปาลกำลังพิจารณาเรื่องการกำหนดคุณสมบัติของนักท่องเที่ยวผู้ต้องการที่จะปีนยอดเขาเอฟเวอเรสต์ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก เพื่อส่งเสริมเรื่องการรักษาความปลอดภัยหลังจากเกิดเหตุร้ายแรงมาแล้วหลายครั้ง คุณสมบัติที่จะถูกนำมาพิจารณา เช่น ห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า18ปี หรือเกินกว่า75ปี รวมถึงผู้พิการเป็นต้น ซึ่งการกำหนดคุณสมบัติดังกล่าวเพื่อที่จะควบคุมปริมาณของผู้ที่ต้องการที่จะปีนเขาเอฟเวอเรสต์ไม่ให้สูงเกินไป และอยู่ในระดับพอเหมาะเพราะเอฟเวอเรสต์ไม่ใช่สถานที่ที่ผู้คนจะต้องมาเสียชีวิตหรือเพื่อการผจญภัย ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเบื้องต้น



+++ไปที่เยเมน เกิดเหตุโศกนาฎกรรมเกิดขึ้น เมื่อเครื่องบินรบของซาอุดิอาระเบีย ยิงจรวด 2 ลูกถล่มสถานที่จัดพิธีแต่งงานของชายคนหนึ่งที่เชื่อมโยงกับกลุ่มกบฏฮูตีในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดตาอิซ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยเมน มีคนเสียชีวิต 131 ศพ



+++นายบัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ประณามการก่อเหตุรุนแรงครั้งนี้ แสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต พร้อมย้ำว่าการใช้ความรุนแรงเช่นนี้ไม่อาจจะคลี่คลายปมความขัดแย้ง มีแต่เกิดการเสียชีวิตและความเสียหายหนักยิ่งขึ้น  



+++พลจัตวาอาเหม็ด อัล-อัสซิรี โฆษกกองทัพชาติพันธมิตรอาหรับที่มีซาอุดีอาระเบียเป็นแกนนำสำคัญ แถลงว่า กองทัพชาติพันธมิตรอาหรับไม่ได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มงานแต่งงาน ชาติพันธมิตรอาหรับ เรียกร้องให้มีการสอบสวนอิสระในเรื่องนี้เพราะพวกเขามั่นใจในหลักฐานจากดาวเทียมว่าไม่ได้บินเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวเลย

+++หลายประเทศเชื่อว่ายอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเหยียบกันตายใกล้นครเมกกะ ของซาอุดิอาระเบีย ระหว่างร่วมประกอบพิธีฮัจญ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีมากกว่า 1,000 ศพ แม้ตัวเลขสุดท้ายอย่างเป็นทางการของซาอุดีอาระเบียระบุอยู่ที่ 769 ศพ เจ้าหน้าที่ไนจีเรีย บอกกับบีบีซีว่ามีการลำเลียงศพผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,000 ศพ สอดคล้องกับความเห็นของเจ้าหน้าที่อินเดีย ปากีสถานและอินโดนีเซีย



 +++การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ) ที่สหรัฐฯ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แถลงหลังเส็จสิ้นการหารือนานราว 90 นาที กับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ  นอกรอบการประชุมว่า รัฐบาลรัสเซีย อยู่ระหว่างพิจารณามาตรการที่เป็นไปได้ ในการเพิ่มความช่วยเหลือภาคสนามให้แก่กองทัพซีเรีย ในการสู้รบเพื่อเอาชนะกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ไอเอส) ปฏิเสธการใช้กำลังทหารราบร่วมรบในแนวหน้ากับกองทัพซีเรีย และปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกองทัพรัสเซียจะเกิดขึ้นเมื่อได้รับความเห็นชอบจากยูเอ็น ขณะเดียวกัน ผู้นำรัสเซียยังคัดค้านท่าทีของสหรัฐฯและฝรั่งเศส ซึ่งยืนกรานให้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ต้องลงจากตำแหน่งผู้นำซีเรีย ว่าทั้งสองประเทศไม่มีสิทธิ์ตัดสินอนาคตของผู้นำประเทศใดประเทศหนึ่ง เนื่องจากไม่ใช่พลเมืองของประเทศ อนาคตทางการเมืองของนายอัสซาดต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของชาวซีเรีย



+++ขณะที่แหล่งข่าวจากฝั่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ผู้นำทั้งสองประเทศเข้าใจประเด็นของการพบปะกันเป็นอย่างดี แต่ไม่ได้สนทนากันในเชิงที่ต้องการบรรลุข้อตกลงใดอย่างจริงจัง เพียงสนทนาเรื่องการหลีกเลี่ยงการปะทะกันทางทหารโดยบังเอิญในซีเรีย



+++ประธานาธิบดีโอบามา ขึ้นเวทียูเอ็นจีเอ กล่าวประณามนายอัสซาดเป็นเผด็จการที่เข่นฆ่าประชาชนของตัวเอง ที่รวมถึงเด็กผู้บริสุทธิ์  ขณะที่ผู้นำรัสเซียซึ่งขึ้นเวทีต่อจากนายโอบามา กล่าวโทษการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯในลิเบียและอิรักคือต้นเหตุของความวุ่นวายในตะวันออกกลาง และเป็นการถือกำเนิดของกลุ่มหัวรุนแรง



+++จีนกับญี่ปุ่นได้แข่งกันมานานหลายเดือนแล้วเพื่อขอประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงสายใหม่ในประเทศอินโดนีเซียนับเป็นการช่วงชิงอิทธิพลของสองชาติมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย อินโดนีเซีย เชิญชวนให้ร่วมประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อระหว่างกรุงจาการ์ตากับ เมืองบันดุงแต่ก็ได้เปลี่ยนแผนเมื่อต้นเดือนก.ย.นี้อ้างว่าต้องการเลือกทางเลือกที่ถูกกว่าและลดเงื่อนไขลงในเส้นทางเดียวกันนี้ ดังนั้นทั้งจีนและญี่ปุ่นจึงได้ยื่นข้อเสนอใหม่



+++นายโยชิฮิเดะ ซึกะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นแถลงว่าผู้แทนรัฐบาลอินโดนีเซีย แจ้งว่า การยื่นข้อเสนอขอประมูลโครงการก่อสร้างของญี่ปุ่นถูกปฏิเสธไปแล้วทั้งญี่ปุ่นได้ยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดแต่ผู้แทนรัฐบาลอินโดนีเซียเดินทางมาแจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลอินโดนีเซียยินดีกับข้อเสนอของจีนมากกว่าซึ่งเขาก็ได้บอกกับผู้แทนรัฐบาลอินโดนีเซียว่าเป็นการตัดสินใจที่น่าเสียใจยิ่ง



+++นิตยสารฟอร์บส์ เปิดรายชื่อชาวอเมริกันที่รวยที่สุด400คนประจำปี ผลปรากฏว่า อันดับ 1ยังคงเป็นของนายบิลเกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ รั้งตำแหน่งเป็นปีที่22ติดต่อกันแล้วทรัพย์สิน 76,000ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว2.73ล้านล้านบาท)ลดลงมา 5,000ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากปี2557 นายวอร์เรนบัฟเฟต์ ซีอีโอของบริษัทเบิร์กเชียร์ฮาธาเวย์ อยู่อันดับ 2ทรัพย์สิน62,000ล้านดอลลาร์สหรัฐฯขณะที่นายแลร์รี เอลลิสันอดีตซีอีโอของออราเคิลอยู่อันดับ 3ทรัพย์สิน 47,500ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊กจากอันดับ 11ขึ้นมาอยู่อันดับ7 ทรัพย์สิน40,300ล้านดอลลาร์สหรัฐฯและ นายแลร์รี เพจ ซีอีโอของกูเกิลจากอันดับ 13ของเมื่อปีที่แล้วมาอยู่ที่อันดับ10ทรัพย์สิน33,300ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นต้น



CR:แฟ้มภาพ



 

ข่าวทั้งหมด

X