ในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่นครนิวยอร์คสหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบปะกับผู้นำประเทศหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของสาธารณรัฐประชาชนจีน และกลุ่มประเทศขนาดเล็ก เพื่อชี้แจงสถานการณ์การเมืองไทย และขอเสียงสนับสนุนเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC ) วาระปี ค.ศ.2017-2018 โดยในการสมัครไทยได้รับการรับรองและสนับสนุนจากสมาชิกอาเซียน และจากพื้นฐานการทำงานที่ดีในงานทั้ง 3 ด้านของสหประชาชาติ โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในประเด็นสันติภาพและความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนไทยยังสามารถทำหน้าที่เสมือนเป็นสะพานเชื่อม และสนับสนุนการทำงานร่วมกันมากขึ้นระหว่างประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯ และประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิก
ในช่วงบ่ายวันนี้ นายบิจาญา ราชบันดาริ (Mr. Bijaya Rajbhandari) ผู้แทนกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNICEF) เข้าเยี่ยมคารวะ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล
และมีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ วิป สนช. ที่รัฐสภา
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนสิงหาคม 2558 ที่พบว่า เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลให้การส่งออกสินค้าของไทยยังคงหดตัวต่อเนื่อง การใช้จ่ายของภาคเอกชนยังคงชะลอตัว ขณะที่การลงทุนมีสัญญาณทรงตัว แต่มีปัจจัยบวกจากการลงทุนของรัฐบาล และการท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากนี้ พื้นฐานเศรษฐกิจยังมีความแข็งแกร่งเนื่องจากอัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำและทุนสำรองระหว่างประเทศในระดับสูง ทั้งนี้ อัตราการว่างงานในเดือนสิงหาคม 2558 ยังคงอยู่ในระดับต่ำคือที่ร้อยละ 1.0 ของกำลังแรงงานรวมหรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 377,000 คน ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป หดตัวอยู่ที่ร้อยละ -1.2 ต่อปี อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.9 ต่อปี สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ล่าสุด ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2558 อยู่ที่ระดับร้อยละ 42.9 ต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลัง
ส่วนกรมสรรพากรแจ้งว่า การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มยังคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2559 เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการและประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศชาติ
บลูมเบิร์ก รายงานว่า จากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง อาจจะส่งผลให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เปลี่ยนไปส่งก๊าซธรรมชาติให้กับยุโรปทดแทนตลาดจีน โดยรัสเซียและจีนเพิ่งจะบรรลุข้อตกลงฉบับแรกในการซื้อขายก๊าซธรรมชาติเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและยุโรปอยู่ในสภาวะวิกฤตอย่างหนัก ทั้งสหภาพยุโรปยังยื่นฟ้องบริษัท ก๊าซพรอม ของรัสเซียที่ผูกขาดราคาก๊าซในยุโรปตะวันออกอีกด้วย
จากการที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (โอเปก) ยืนกรานให้คงกำลังการผลิต จนทำให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด และส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องนั้น พบว่า ซาอุดิอาระเบีย มีท่าทีที่ชัดเจนมากขึ้นว่าได้รับผลกระทบโดยมีการถอนการลงทุนจากกองทุนเพื่อการลงทุนทั่วโลกเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อนำมาแก้ปัญหาขาดดุลการค้า โดยราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ส่งผลให้รัฐบาลต้องออกพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้น เพื่อระดมเงินทุนในประเทศ โดยปัจจุบันราคาน้ำมันดิบอยู่ระดับราว 45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
..