กรณีที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นโจทย์ยื่นฟ้องนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และพวกรวม 21 คน ตามพรบ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐหรือฮั๊วประมูล พุทธศักราช 2542 มาตรา4 ,123 และ 123/1 ทั้งขอให้ปรับจำเลยทั้งหมดเป็นจำนวนเงินกว่า 35,000 ล้านบาท กรณีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี กับบริษัทกวางตุ้ง และไห่หนานของประเทศจีน
วันนี้ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีการนัดสืบสอบคำให้การคดีการฮั้วประมูลโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ จนทำให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณของแผ่นดิน ตามคำชี้มูลความผิดของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. โดยนายบุญทรง เปิดเผยว่า เนื่องจากพยานบุคคลของฝั่งจำเลยมีมากกว่า 100 ปาก ศาลจึงมีคำสั่งให้พยานจำเลยกลับไปตกลงกัน และนัดไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 พร้อมกันนี้นายบุญทรงยังได้นำหลักฐานที่เป็นเอกสารทั้งหมดมามอบให้กับอัยการจำนวนกว่า 6 หมื่นแผ่น
สำหรับแนวทางในการต่อสู้คดีทางแพ่งที่มีการเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายนั้น นายบุญทรง กล่าวว่า ขอปรึกษากับทีมกฎหมายก่อนเพราะ จะต้องมีการต่อสู้เพื่อสิทธิของตัวเอง โดยส่วนตัวรู้สึกไม่หนักใจเพราะคาดว่าพยานและหลักฐานที่มีอยู่น่าจะเพียงพอต่อการสู้คดี
โดยนายบุญทรงได้ใช้หลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝาก โดยศาลตีราคาประกัน จำนวน 20 ล้านบาท พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาติจากศาล ส่วนจำเลยอื่นๆ ศาลอนุญาตให้ประกันตัวทุกราย โดยพิจารณาตามเหตุและพฤติการณ์ของแต่ละบุคคล
...