เมืองไทยฯ(2):รองนายกฯสมคิดเร่งสนับสนุนเอสเอ็มอี/คาดส่งออกข้าวปีนี้ได้ตามเป้าหมาย/คมนาคมเดินหน้าประกวดราคารถไฟฟ้าCity Line

นายสุเทพ เลิศศรีมงคล ผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 4,385.10 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 46.11 มีปริมาณน้ำพร้อมใช้ 1,535.10 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 23.05 มีปริมาณน้ำไหลเข้า 20.58 ล้าน ลบ.ม. ปล่อยน้ำไหลออก 4.5 ล้าน ลบ.ม. ยังสามารถรับน้ำได้อีก 5,124.90 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 53.89 ซึ่งถือว่าในรอบ 39 ปีที่มีการก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์มาปีนี้มีปริมาณน้ำต่ำที่สุด

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ให้แก่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) โดยเน้นการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้ได้มากกว่า 7 หมื่นราย ทั้งในกลุ่มเกิดใหม่ และผู้ประกอบการเดิมให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น ยกระดับไปสู่การส่งออก และก้าวขึ้นไปเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง  (สศค.) แถลงรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือนสิงหาคม 2558 ต้องจับตาว่าจะมีการปรับตัวเลขจีดีพีหรือไม่

ด้านนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ มอบนโยบายกรมการค้าต่างประเทศทบทวนแผนบริหารจัดการสินค้าเกษตรหลักที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว และมันสำปะหลัง รวมถึงส่งเสริมพัฒนาศักยภาพการค้าต่างประเทศ อำนวยความสะดวกทางการค้า ปกป้องและรักษาผลประโยชน์สูงสุดทางการค้า และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งทางการค้าของไทย โดยในส่วนของข้าวนั้น ขณะนี้สามารถระบายข้าวสารในสต๊อกของรัฐได้แล้ว 4 ล้าน 7 แสนตัน มูลค่าประมาณ 51,320 ล้านบาท โดยจะเข้าร่วมการประมูลขายข้าวแบบจีทูจีให้ฟิลิปปินส์ ขณะที่การค้ากับจีนก็จะมีการลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวเพิ่มอีก 1 ล้านตัน ตามที่ได้เจรจาไว้ก่อนหน้านี้ โดยล่าสุดไทยส่งออกข้าวแล้วปริมาณ 6 ล้าน 9 แสนตัน ทำให้คาดว่าการส่งออกข้าวทั้งปี 2558 น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ปริมาณ 10 ล้านตัน โดยจะเร่งขยายการส่งออกในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้

โดยในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์จะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติยื่นซองประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล จากที่ยื่น 26 ราย

ขณะที่นายกสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์ เข้าเยี่ยม พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อวานนี้เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้าพบ พล.อ.อ.ประจิน เพื่อหารือเรื่องความร่วมมือโครงการรถไฟไทย-จีน ซึ่งยังมีบางประเด็นที่ยังไม่สามารถตกลงได้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การประกวดราคาซื้อรถไฟฟ้าธรรมดา (City Line) สำหรับใช้ในโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ต เรล ลิงก์) ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ราคากลาง 4,413 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ อยู่ในกระบวนการประกวดราคา แต่มีการท้วงติงว่ามีราคาแพงกว่าที่ทางมาเลเซียซื้อนั้น เป็นเพราะความแตกต่างกันในเรื่องเทคโนโลยีระบบราง ที่มีผลไปถึงระบบสัญญาณควบคุมการเดินรถ ระบบการสำรอง ระบบการขับเคลื่อน ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ชี้แจงมาชัดเจนว่า เป็นการกำหนดคุณลักษณะที่เป็นเรื่องความมั่นใจในการให้บริการ และหลักประกันในเรื่องการเดินรถกรณีรถมีปัญหา ระบบเครื่องกลชำรุด คือ ต้องไม่มีปัญหารถต้องสามารถวิ่งให้บริการได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม กำลังมีการตรวจสอบข้อท้วงติงต่างๆ และชี้แจง คณะรัฐมนตรี(ครม.) รวมถึงการทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย ซึ่งสามารถเดินหน้าตามขั้นตอนประกวดราคาต่อไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องล้มประมูล

กรมบัญชีกลางพร้อมจ่ายเงินให้ข้าราชการ-ผู้รับบำนาญที่เลือกใช้สิทธิ์ Undo ครบทุกรายภายในตุลาคมนี้ นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผย ว่ามีข้าราชการและผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญที่กลับไปใช้สิทธิ์ในบำเหน็จบำนาญตาม พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 (Undo กบข.) จำนวนทั้งสิ้น 437,400 ราย แบ่งเป็นข้าราชการ 249,000 ราย และผู้รับบำนาญ 188,400 ราย ซึ่งจะแจ้งรายชื่อให้กรมการปกครองในวันที่ 30 กันยายน เพื่อยืนยันรายชื่อกลับมาภายในวันที่ 1 ตุลาคม  หลังจากนั้นกรมจะส่งข้อมูลไปให้กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ดำเนินการตรวจสอบและจ่ายเงินก้อนคืนต่อไป คาดว่าจะโอนเข้าบัญชีของข้าราชการทุกคนได้ภายในเดือนตุลาคม คิดเป็นเงินประมาณ 54,000 ล้านบาท

ส่วนของผู้รับบำนาญ กรมบัญชีกลางจะเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการเองโดยได้คิดคำนวณและเตรียมจ่ายเงินบำนาญใหม่ คาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 16,136 ล้านบาท โดยจะโอนเงินเข้าบัญชีของผู้รับภายในเดือนตุลาคม  สำหรับผู้ที่ใช้สิทธิ์อันดูที่ต้องคืนเงินให้หลวงจะต้องคืนเงินให้ครบทั้งจำนวนภายใน 30 กันยายนนี้เท่านั้น หากชำระเงินไม่ครบจะถือว่าสละสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการแต่หากผู้รับบำนาญที่ใช้สิทธิ์อันดู แล้วเสียชีวิตก่อนวันที่ 1 ตุลาคม กรมบัญชีกลางจะคืนเงินให้ทายาทผู้มีสิทธิ์ต่อไป

ยังมีความเคลื่อนไหวที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ที่นัดฟังคำพิพากษาคดีที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยระบุว่าระหว่างวันที่ 20-25 มกราคม 2556 พล.ต.ท.ชัจจ์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยมีเจตนาให้บุคคลอื่นเข้าใจว่า โจทก์เป็นคนไม่ดี ใช้อำนาจในทางที่ผิด และข้อความอื่นอันล้วนเป็นเท็จ ซึ่งเมื่อถึงเวลานัด พล.ต.ท.ชัจจ์ไม่ได้เดินทางมาศาล แต่มอบอำนาจให้ทนายความนำใบรับรองแพทย์มาแสดงเพื่อขอเลื่อนฟังคำพิพากษา แต่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลเคยกำชับให้จำเลยมาศาลตามนัด แต่จำเลยอ้างเหตุป่วยและแสดงใบรับรองแพทย์มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เหตุป่วยนั้นมิได้เป็นเหตุที่จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่า จำเลยจงใจจะหลบหนี จึงให้ออกหมายจับ ปรับนายประกัน และนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้งวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ เวลา 09.00 น.

ส่วนคดีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่เสียชีวิตและญาติเข้าร้องเรียนกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  เพื่อขอให้รื้อคดีขึ้นมาสอบสวนใหม่ในหลายประเด็น รวมทั้งร้องเรียนกับทางกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ให้ช่วยตรวจสอบเรื่องการโอนหุ้น ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องนั้น ซึ่งเมื่อวานนี้ มีการจำลองเหตุการณ์ ซึ่งมีลูกชายของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ พร้อมเพื่อนมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย และกล่าวว่า ไม่ได้มีความกังวลใด ๆ เพราะสภาพแวดล้อมของวันที่มีการจำลองแตกต่างจากวันที่เกิดเหตุ ขณะที่บุตรชายของนายชูวงษ์ก็ร่วมสังเกตการณ์เช่นกันและแสดงความมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและพยานหลักฐานที่มีอยู่

ความคืบหน้ากรณี นายอาซาผะ สีวัวะ อายุ 24 ปี ชาวเขาเผ่าลีซอ ซึ่งมีอาการทางประสาท เกิดอาการคลุ้มคลั่ง สังหารเด็กชาย 5 คนอายุระหว่าง 5-8 ปี ในบริเวณบ้านเลขที่ 250 หมู่ 5 ต.หนองบัว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ และทำร้าย นางยี่กอ แซ่เจิ้น ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 กันยายน แต่นายอาซาผะถูกชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ ทำให้ตำรวจ สภ.ไชยปราการต้องส่งต่อไปยัง รพ.นครพิงค์ เพื่อรักษาอาการเลือดคั่งในสมองและมีบาดแผลตามร่างกาย ขณะที่นางยี่กอ ซึ่งรับการรักษาที่ รพ.นครพิงค์ เช่นกันแพทย์คาดว่าอีกราว 1-2 วัน สามารถกลับบ้านได้

*-*