นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับเลขาธิการสหประชาชาติ พร้อมยืนยันพันธกรณีไทยต่อสหประชาชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับ นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ หลังการพบกันที่เมืองเซนได ญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณเลขาธิการสหประชาชาติ ที่เชิญให้เข้าร่วมการประชุม และยินดีต่อการครบรอบการก่อตั้งสหประชาชาติเป็นปีที่ 70 ในปีนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันถึงพันธกรณีที่ไทยมีต่อสหประชาชาติ พร้อมสนับสนุนการทำงานของเลขาธิการสหประชาชาติและแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์อย่างแข็งขันต่อไป ทั้งการพัฒนาที่มีคนเป็นศูนย์กลางตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ตลอดจนให้ความสำคัญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบของประชาคมโลกร่วมกัน และการจัดการเรื่องการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ ส่วนสถานการณ์การเมืองไทย นายกรัฐมนตรียืนยันว่า การดำเนินการต่างๆ ตามกรอบระยะเวลานั้นเป็นกระบวนการสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมไทย และเพื่อให้ไทยได้ทำหน้าที่สมาชิกสหประชาชาติได้อย่างเต็มศักยภาพยิ่งขึ้น และจากการที่ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)  เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และจัดให้มีการลงประชามติ ส่วนการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกไม่ถาวร UNSC วาระปี ค.ศ.2017 - 2018 ของไทย ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของ UNSC มาแล้วสมัยหนึ่ง เมื่อปี ค.ศ.1985 - 1986 ในการสมัครครั้งนี้ ไทยได้รับการรับรองและสนับสนุนจากทุกประเทศสมาชิกอาเซียน โดยการรณรงค์ของไทยมีพื้นฐานจากการทำงานที่ดีในงานทั้ง 3 ด้านของสหประชาชาติ โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในประเด็นสันติภาพและความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ไทยสามารถทำหน้าที่เสมือนเป็นสะพานเชื่อม และสนับสนุนการทำงานร่วมกันมากขึ้นระหว่างประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯ และประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิก

ส่วนในการประชุม Global Leaders’ Meeting on Gender Equality and Women’s Empoweverment : A Commitment to Action ระหว่างการประชุมสหประชาชาติระดับผู้นำเพื่อรับรองวาระการพัฒนาภายหลังปี ค.ศ. 2015 (POST 2015 Summit)  ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและสหประชาชาติ ร่วมด้วยองค์การ UN Women เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมร่วมกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวถ้อยแถลง ยืนยันเจตนารมณ์และคำมั่นทางการเมืองของไทยในการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและการเสริมพลังสตรี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าไทยยึดมั่นในสิทธิมนุษยชนเสมอ โดยในการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้พบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ด้วย

..

ภาพ จาก  thaigov.go.th