ทันสถานการณ์ฯ:จีนตั้งกองทุนช่วยประเทศกำลังพัฒนา/อิหร่านจี้ซาอุฯชี้แจงเหตุโศกนาฎกรรมที่เมืองมีนา/ฝรั่งเศสเตรียมหารือความมั่นคง*

28 กันยายน 2558, 06:06น.


ไต้หวันเร่งอพยพประชาชนกว่า 3,000 คน ออกจากพื้นที่เกาะ เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นตู้เจี้ยนเคลื่อนตัวเข้าใกล้และอยู่ห่างจากเขตหัวเหลียน ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 560 กิโลเมตร และมีความเร็วลมสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและคลื่นสูง และกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นเตือนว่า ระดับคลื่นที่พัดเข้าสู่ฝั่งอาจสูงถึง 13 เมตร



ในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติครั้งที่ 70 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในนครนิวยอร์ก ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีนประกาศตั้งกองทุน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาและเพิ่มการลงทุนตลอดช่วง 15 ปีข้างหน้าอีก 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับยกเลิกหนี้สินให้ชาติพัฒนาแล้วบางส่วน รวมถึงยกเลิกหนี้สินของชาติหมู่เกาะต่างๆ ตลอดจนสนับสนุนโครงการต่างๆทั่วโลกตลอดช่วง 5 ปีข้างหน้าอีกราว 600 โครงการ และเพิ่มการให้ทุนการศึกษาแก่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก



 ส่วนประธานาธิบดีฮัสซัน โรอานี ผู้นำอิหร่าน กล่าวในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ เรียกร้องให้นานาชาติร่วมกดดันรัฐบาลซาอุดีอาระเบียสอบสวนเหตุการณ์ผู้แสวงบุญเหยียบกันจนเสียชีวิต ระหว่างประกอบพิธีทางศาสนาในเมืองมีนา ทางตะวันออกของนครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 769 ศพเป็นชาวอิหร่าน 144 ศพ



ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านเรียกอุปทูตซาอุดีอาระเบียถึง 3 ครั้ง เพื่อให้เข้าชี้แจงสาเหตุและรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งยังขอความร่วมมือจากรัฐบาลซาอุฯให้เปิดเผยผลตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด ขณะที่อยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมนี ผู้นำศาสนาอิสลามสูงสุดของอิหร่าน เรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบีย แถลงขออภัยและแสดงความรับผิดชอบต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต



กองทัพฝรั่งเศส เริ่มการโจมตีกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส ในฝั่งประเทศซีเรียเป็นครั้งแรก หลังจากที่มีการบินตรวจการณ์อยู่นานเกือบ 3 สัปดาห์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ฝรั่งเศสปฏิเสธที่จะใช้ปฏิบัติการภาคพื้นดินเพื่อต่อสู้กับไอเอส และระบุว่า ประชาชนพลเรือนควรจะต้องได้รับการคุ้มครองจากความรุนแรงทุกรูปแบบ



และในวันนี้ ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในนิวยอร์ก ร่วมกับผู้นำรายอื่นๆ โดยคาดว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับสงคราม 4 ปีในซีเรีย



 สำนักงานการบินพลเรือนมาเลเซียสั่งระงับเที่ยวบินเข้าและออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียประมาณ 20 เที่ยวบิน ช่วงระหว่างวันที่ 26-27 กันยายน ซึ่งสืบเนื่องจากควันไฟจากการเผาพื้นที่การเกษตรบนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซียถูกพัดพา และก่อมลพิษทางอากาศในมาเลเซียและสิงคโปร์ โดยผลตรวจวัดมลพิษทางอากาศในกรุงกัวลาลัมเปอร์ช่วงเช้าวันที่ 27 กันยายนมีค่าฝุ่นละอองสูงเกิน 200 จุด เข้าข่ายเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนรัฐบาลสิงคโปร์สั่งปิดโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทั่วประเทศตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 กันยายน



ด้านนายสุโตโป ปูร์โว นูโกรโฮ โฆษกสำนักงานจัดการภัยพิบัติในอินโดนีเซีย ยอมรับว่า การแก้ไขปัญหาควันไฟจากการเผาป่าไม่มีความคืบหน้า เพราะยังมีผู้จุดไฟเผาพื้นที่การเกษตรเพื่อเตรียมการเพาะปลูกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประชาชนราว 168,000 คนบนเกาะสุมาตรา ส่วนใหญ่จะมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ



ชาวเมืองในแคว้นคาตาลุนญา ออกไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดการแยกตัวออกจากสเปน โดยผลการหยั่งเสียงชี้ว่าพรรคที่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนมีแนวโน้มคว้าชัยชนะ และจะนำไปสู่การแยกตัวในปี 2560 แม้รัฐบาลสเปนจะเตือนว่า การแยกตัวจะมีผลให้ต้องออกจากสหภาพยุโรป (อียู) และเกิดความปั่นป่วนทางการเงิน



ยังคงเกิดเหตุเรือผู้อพยพจมในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บริเวณใกล้ชายฝั่งของประเทศตุรกี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 17 ศพ โดยเรือลำนี้อยู่ในระหว่างการเดินทางไปยังประเทศกรีซ และเหตุที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้อพยพจมน้ำเสียชีวิตในจำนวนนี้เป็นหญิง 5 คนและเด็กอีก 5 คน โดยทั้งหมดเป็นชาวซีเรีย ขณะที่มีผู้รอดชีวิต 20 คน



เกิดเหตุไฟไหม้ที่มัสยิดไบตุล ฟูตูห์ มัสยิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก ที่เขตมอร์เดนในกรุงลอนดอน อังกฤษ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 1 คน เป็นชายวัยราว 40 ปี



ทางการเนปาลประกาศควบคุมการใช้รถทั่วประเทศ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการขาดแคลนเชื้อเพลิง หลังกลุ่มผู้ประท้วงขัดขวางเส้นทางการค้าบริเวณพรมแดน โดยผู้ขับขี่จะได้รับอนุญาตให้ใช้ถนนสลับวันขึ้นอยู่กับตัวเลขสุดท้ายบนแผ่นป้ายทะเบียนว่าเป็นเลขคู่หรือคี่



สำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐฯ หรือ ทีเอสเอ รายงานว่า  ในช่วงระหว่างวันที่ 11 – 17 กันยายนที่ผ่านมา พบผู้โดยสารที่พยายามนำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบินไปด้วยจำนวนมากถึง 67 กระบอก ซึ่งมากเป็นสถิติใหม่ จากสถิติเดิมคือในช่วงเดือนพฤษภาคม 2556 ที่ตรวจพบอาวุธปืน 65 กระบอก ซึ่งผู้ที่มีเจตนานำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบินจะต้องถูกดำเนินคดีอาญา และต้องถูกปรับเงินสูงถึง 11,000 ดอลลาร์สหรัฐ



*-*

ข่าวทั้งหมด

X