หลังจากที่คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) มีมติ 6 ต่อ 0 ให้ นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ออกจากราชการและพ้นจากตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด จากกรณีจดหมายสนันสนุนตำรวจของเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง เมื่อวันที่ 23 ก.ย.
ล่าสุดนายหัสวุฒิ แถลงข่าวตอบโต้ และเรียกร้องขอความเป็นธรรม ย้ำข้อเท็จจริงว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น และไม่ได้เป็นผู้จัดหานายตำรวจคนที่ในจดหมายอ้างถึงมาเพื่อทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งเป็นหน้าที่เป็นของสำนักงานศาลปกครองใน ยืนยันว่าไม่รู้กับตำรวจในจดหมายและไม่เคยเป็นญาติทางสายเลือด เพียงแต่รู้จักกับญาติของนายตำรวจที่อ้างถึงเท่านั้น รวมถึงยังโต้แย้งถึงกระบวนการในการสอบสวนว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการบิดเบือน เพราะ ก.ศป. ไม่ดูข้อเท็จจริงที่เป็นหลักฐาน แต่เป็นการฟังความเห็นที่คณะกรรมการเสียงข้างน้อยตั้งที่ ขึ้นมาเอง และบุคคลที่เสนอเรื่องกล่าวหา บุคคลผู้พิจารณาบุคคลที่เป็นกรรมการสอบสวน บุคคลที่เป็นผู้สั่งพักราชการการตนเอง ล้วนเป็นคนเดียวกันหรือกลุ่มเดียวกัน ซึ่งผลการสอบสวนก็ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันข้อกล่าวหาได้เลย อีกทั้งมีการถ่วงเวลากว่า 6 เดือนในการพิจารณาทั้งที่ทั้งที่ไม่มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาให้กระบวนการสอบสวนดำเนินการต่อไปได้
นายหัสวุฒิ กล่าวอีกว่า ในการพิจารณายังมีการเลือกปฏิบัติเพราะกรรมการเสียงข้างมากเห็นว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูลแต่ ก.ศป.กลับเห็นด้วยกับกรรมการสอบสวนเสียงข้างน้อยที่เห็นว่าผิดโดยไม่มีเหตุผลว่าเสียงข้างน้อยน่าเชื่อถือแต่อย่างใด ดังนั้นตนเองจึงไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของ ก.ศป. เพราะถือเป็นการกลั่นแกล้ง และ ก.ศป. ต้องแสดงหลักฐานข้อเท็จจริงต่อสังคมโดยปราศจากข้อสงสัย ไม่เช่นจะส่งผลกระทบ ความเชื่อมั่นในการปรับใช้กฎหมายขององค์กรตุลาการศาลปกครองเป็นอย่างยิ่ง
นายหัสวุฒิ กล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมน้ำตาคลอ ยยืนยันจะไม่ใช้สิทธิ์อุทธรณ์เพราะหากจะทำการโต้แย้งต้องไปฟ้องร้องที่ศาลปกครอง ที่ขณะนี้ได้หมดความเชื่อมั่นว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากองค์กรนี้อีกแล้ว และจะไม่ไปร้องเรียนกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อขอความเป็นธรรมด้วยเช่นกัน